แนวทางการดำเนินชีวิตของพระภิกษุ SB 304 ชีวิตสมณะ หน้า 86
หน้าที่ 86 / 209

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินชีวิตของพระภิกษุ โดยเน้นที่โคจรที่ควรปฏิบัติและอโคจรที่ควรหลีกเลี่ยง ซึ่งรวมถึงการตั้งสติในกาย เวทนา จิต และธรรม นอกจากนี้ยังพิจารณาโทษของการเข้าไปในอโคจร เช่น สถานที่บันเทิงต่างๆ ที่อาจทำให้พระภิกษุเสื่อมเสียชื่อเสียงและฝ่าฝืนพระธรรมวินัย เพื่อนำเสนอแนวทางที่เหมาะสมในการรักษามรรยาทและพัฒนาคุณธรรมในฐานะพระภิกษุ.

หัวข้อประเด็น

-โคจรที่ควรใส่ใจ
-อโคจรที่ควรหลีกเลี่ยง
-สติปัฏฐาน 4
-มรรยาทของพระภิกษุ
-ผลกระทบจากอโคจร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สงบเสงี่ยม สายตาทอดต่ำลงไม่เหลียวซ้ายแลขวาดูหญิงดูชาย หรือสิ่งต่างๆ หรือแหงนดูเบื้องบน หรือ ก้มหน้าดูข้างล่าง จนปราศจากความสำรวม เหล่านี้คือโคจรที่ควรรักษาของพระภิกษุ (3) โคจรที่ควรใส่ใจ หมายถึง สติปัฏฐาน 4 คือ 1. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน หมายถึง การตั้งสติตามเห็นกายในกาย คือ กายต่างๆ ที่ซ้อนกัน อยู่ในกายมนุษย์นี้ นับตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียดหรือกายฝัน จนกระทั่งถึงกายธรรมระดับต่างๆ 2. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน หมายถึง การตั้งสติตามเห็นเวทนาในเวทนา คือ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ของกายต่างๆ ที่ซ้อนกันอยู่ในกายมนุษย์นี้ 3. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน หมายถึง การตั้งสติตามเห็นจิตในจิต คือ ดวงจิตของกายต่างๆ ที่ ซ้อนกันอยู่ในกายมนุษย์ 4. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน หมายถึง การตั้งสติตามเห็นธรรมในธรรม คือ ดวงธรรมที่ทำให้ เป็นกายต่างๆ ตั้งแต่กายมนุษย์จนถึงกายธรรม ตรงกันข้ามกับโคจร คือ อโคจร “อโคจร” หมายถึง บุคคลและสถานที่ซึ่งพระภิกษุไม่ควรไปมาหาสู่ มี 6 อย่าง คือ หญิงแพศยา (โสเภณี) หญิงหม้าย สาวเสื้อ (สาวแก่) ภิกษุณี บัณเฑาะก์ (กะเทย) และร้านสุรา ในสภาพสังคมปัจจุบัน อโคจรนั้นมีอยู่มากมายเกินกว่า 6 อย่างดังกล่าว เช่น โรงมหรสพ สถานเริงรมย์ต่างๆ และศูนย์การค้าต่าง ๆ เป็นต้น พระภิกษุที่ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร ย่อมไม่ไปสู่ ที่อโคจร เพราะละอายใจและกลัวเสียชื่อเสียง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวเปรียบพระภิกษุผู้เที่ยวไป ในอโคจรว่า “เหมือนโคที่เที่ยวไปในถิ่นเสือและราชสีห์ หรือเหมือนเต่าปลาอันเที่ยวไปในเขตที่ดักของ ชาวประมง เป็นต้น” อย่างไรก็ตาม สำหรับอโคจร ถ้าเขาเชื้อเชิญนิมนต์ด้วยกิจอันสมควร พระภิกษุก็สามารถไปปฏิบัติ หน้าที่ในฐานะนักบวชได้ แต่จะต้องไม่ไปด้วยเรื่องอื่น นอกจากกิจนิมนต์ เช่น ไม่ไปสนทนาปราศรัยอย่าง สามัญชนทั่วไป เพราะอาจจะถูกเข้าใจว่ามีความประพฤติผิดไปจากพระธรรมวินัย เป็นพระภิกษุที่น่ารังเกียจ พระภิกษุที่มีอาจาระดีและตั้งอยู่ในโคจร ดังได้พรรณนามาแล้ว ย่อมได้ชื่อว่า “ถึงพร้อมด้วยมรรยาท และโคจร” 2) มีปรกติเห็นภัยในโทษแม้เพียงเล็กน้อย “โทษ” ในที่นี้หมายถึง ความชั่วหรือความผิด ขึ้นชื่อว่าโทษแล้ว แม้จะมีเพียงน้อยนิดเท่าใดก็ย่อม ตามรอยพระอรหันต์ หน้า 179 บ ท ที่ 6 คุ ณ ธ ร ร ม ที่ ทำ ใ ห้ เ ป็ น ผู้ บ ริ สุท ธิ์ DOU 75
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More