ข้อความต้นฉบับในหน้า
พอรสกระทบลิ้นเข้าฉาด แหม! อ้ายรสที่สำคัญแท้ๆ ชอบใจเสียจริงๆ ใจก็
นิ่งเสียอีก ไม่ข้องแวะ ไม่เหลียวแล มันเป็นโทษแก่เรา ถ้าขืนไปรักอ้ายรสนี้ละก็
เดี๋ยวความดีใจเสียใจมันต้องประทุษร้ายเรา ใจก็จะนิ่งอยู่ไม่ได้มันก็จะฆ่าเราเสีย
เท่านั้น ไม่ได้ๆ ใจก็นิ่งอยู่อย่างนั้น....
พอสัมผัสกระทบร่างกาย เย็นร้อนอ่อนแข็ง เอ้า! ชอบใจหรือไม่ชอบใจเล่า
ถูกเข้ามันนิ่มนวล ชวนปลาบปลื้มทีเดียว ไม่ได้ ๆ ๆ ไปยุ่งกับอ้ายความสัมผัส
ไม่ได้ ถ้าเข้าไปยุ่งกับมัน ประเดี๋ยวเถอะ พาโทมนัสมาประทุษร้ายใจเรา ใจเราหยุด
ไม่ได้ เดี๋ยวเสียภูมิ เดี๋ยวใจของนักปราชญ์จะกลายเป็นใจของคนพาลไปเสีย ก็
หยุดนิ่งเสียอีก
ไม่ยอมให้ทั้ง 5 อย่างเลยเข้ามาสู่ใจ ถ้าเลยเข้ามาได้ก็ขาดความสำรวม ถ้า
ขาดความสำรวมใจก็เป็นโทษ เป็นโทษอย่างไร อภิชฌาและโทมนัสก็เข้า
บังคับใจ เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เสียใจ...ถ้าจะให้อภิชฌาและโทมนัสบังคับไม่ได้
ก็จงทำใจให้หยุดเสีย....”
จากพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ยกมานี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า การ
เจริญสมาธิภาวนาเป็นเครื่องมือที่ใช้อบรมใจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากการเจริญภาวนาแล้ว
ไม่มีเครื่องมือหรือวิธีอื่นใดที่จะบังคับใจให้หยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายได้ เมื่อใจท่องเที่ยว คิดเรื่องไร้สาระอยู่
เรื่อยไป สำรวมระวังมนินทรีย์ไม่ได้ ย่อมเปิดโอกาสให้อภิชฌาและโทมนัสเข้าครอบงำ ทำให้ต้องเสวย
ทุกขเวทนา เพราะความคิดฟุ้งซ่าน หรือเพราะพฤติกรรมทุศีลของตนเองอยู่ร่ำไป
อนึ่ง เมื่อพระภิกษุบำเพ็ญอินทรียสังวรศีลได้บริบูรณ์แล้ว อภิชฌาและโทมนัสก็ไม่อาจเข้าครอบงำ
ใจได้ ยังผลให้สามารถบำเพ็ญปาฏิโมกขสังวรศีลได้บริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วย เพราะมีสติเป็นตัวกำกับศรัทธาอีก
ต่อหนึ่ง จึงกล่าวได้ว่า ปาฏิโมกขสังวรศีลนั้น สำเร็จด้วย ศรัทธา
มรดกธรรม หน้า 485-486
* ปาฏิโมกขสังวรศีล สำเร็จได้ด้วย “ศรัทธา”
อินทรียสังวรศีล สําเร็จได้ด้วย “สติ”
อาชีวปาริสุทธิศีล สำเร็จได้ด้วย “ความเพียร”
ปัจจัยสันนิสสิดศีล สําเร็จได้ด้วย “ปัญญา”
บ ท ที่ 6 คุ ณ ธ ร ร ม ที่ ทำ ใ ห้ เ ป็ น ผู้ บ ริ สุท ธิ์
DOU 93