การปลูกฝังเยาวชนให้เป็นคนดี SB 304 ชีวิตสมณะ หน้า 162
หน้าที่ 162 / 209

สรุปเนื้อหา

การปลูกฝังเยาวชนให้เป็นคนดีต้องอาศัยสองปัจจัยสำคัญคือ โยนิโสมนสิการ ซึ่งหมายถึงการคิดวิเคราะห์อย่างมีปัญญา และการมีกัลยาณมิตรที่ดี เช่น พ่อแม่ที่จะคอยสอนและเฝ้าดูแลพฤติกรรมของลูก ทั้งนี้เพื่อให้เด็กสามารถแยกแยะบุญ-บาป ดี-ชั่ว และปฏิบัติตามคุณธรรมได้อย่างถูกต้อง โดยมีตัวอย่างที่ดีเป็นแบบฉบับสำหรับการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขและความเจริญในอนาคต

หัวข้อประเด็น

-การอบรมเด็ก
-โยนิโสมนสิการ
-บทบาทของกัลยาณมิตร
-คุณธรรมในชีวิตประจำวัน
-พ่อแม่และการเป็นแบบอย่าง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

กันตั้งแต่เยาว์วัย ต้องใช้วิธีการต่างๆ ซึ่งมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน และละเอียดอ่อนยิ่งกว่าการปลูก มะม่วงหลายเท่าทีเดียว แม้การปลูกฝังอบรมสั่งสอนเยาวชนให้เป็นคนดี จะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยุ่งยาก ซับซ้อน เพียงใดก็ตาม แต่เหตุปัจจัยสำคัญที่จะหล่อหลอมและส่งเสริมเยาวชนให้เป็นคนดีได้นั้น อาจแบ่งออกเป็น 2 ประการ คือ 1. โยนิโสมนสิการ 2. การมีกัลยาณมิตร 1. โยนิโสมนสิการ โดยรูปศัพท์ หมายถึง การกระทำไว้ในใจโดยอุบายอันแยบคาย คือ รู้จักคิด รู้จักจับแง่มุมในการคิด วิเคราะห์แยกแยะเหตุผล จนเข้าใจถึงที่มาที่ไปได้กระจ่างชัด มีความคิดสร้างสรรค์ คิดเป็น คิดแล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงลดลง คิดแล้วมีกำลังใจในการทำความดี อาจกล่าวให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า บุคคลที่มีโยนิโสมนสิการ จะต้องเป็นผู้มีปัญญาพอที่จะเข้าใจโลก และชีวิตตามความเป็นจริง สามารถแยกแยะระหว่าง บุญ-บาป ดี-ชั่ว ถูก-ผิด ควร-ไม่ควร เมื่อมีปัญญา แยกแยะได้เช่นนี้แล้ว ย่อมประพฤติปฏิบัติแต่กุศลธรรมโดยส่วนเดียว ไม่ข้องแวะด้วยอกุศลธรรมทั้งหลาย บุคคลจะมีโยนิโสมนสิการได้โดยสมบูรณ์ จำเป็นต้องได้รับการปลูกฝังอบรมคุณธรรมเรื่องนี้ โดยตรง ต้องมีตัวอย่างที่ดีเป็นแบบฉบับให้ปฏิบัติตาม ในขณะเดียวกันก็ต้องลงมือปฏิบัติจริง และมี ผู้คอยช่วยตรวจสอบชี้แนะการปฏิบัตินั้นด้วย นั่นคือ การมีกัลยาณมิตรเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง 2. การมีกัลยาณมิตร ในแต่ละครอบครัวนั้น ผู้ที่จะเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ลูกๆ ได้ดีที่สุดก็คือ พ่อแม่ ทั้งนี้ย่อมหมายความว่า พ่อแม่จะต้องเป็นบุคคลแรกที่ปลูกฝังโยนิโสมนสิการให้แก่ลูกตั้งแต่เกิด ทั้งต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยเฝ้าติดตามสอดส่องพฤติกรรมของลูกๆ อย่าง ใกล้ชิดและสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้ผู้เป็นพ่อแม่ก็ต้องสำรวจตนเองให้ถี่ถ้วนว่า “ตนเองมีโยนิโสมนสิการ สมบูรณ์ แล้วหรือยัง” ดังได้กล่าวแล้วว่า นอกจากมารดาบิดาแล้ว ยังมีบุคคลอีก 5 ประเภท ที่คนเราจะต้องคบหาสมาคม ด้วย ถ้าหากบุคคลทั้ง 5 ประเภท ที่เราคบหาสมาคมด้วยเป็นคนดี มีโยนิโสมนสิการ นอกจากเราจะ ประสบความสุข ห่างไกลจากความเดือดร้อนรำคาญใจ อันเนื่องมาจากคนพาลแล้ว เรายังได้โอกาสซึมซับ คุณธรรมจากกัลยาณมิตรเหล่านั้น และได้โอกาสสร้างนิสัยดี ๆ ให้เกิดแก่ตัวเราอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงกล่าว ได้ว่า เหตุแห่งการเป็นคนดีนั้นคือ โยนิโสมนสิการ และการมีกัลยาณมิตร จากการศึกษาสามัญญผลสูตรทำให้ได้ข้อคิดว่า พระเทวทัตนั้นแม้จะมีบุญวาสนาได้ถือกำเนิดใน ราชตระกูล บริบูรณ์ ด้วยทรัพย์ศฤงคารและข้าทาสบริวาร แต่ก็เป็นผู้อาภัพอยู่เพราะขาดโยนิโสมนสิการ แสดงว่าขาดการอบรมคุณธรรมมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงมีมิจฉาทิฏฐิเห็นผิดเป็นชอบ คิดชั่ว ทำชั่วอยู่เนืองๆ คอย บ ท ที่ 9 บ ท ส่ ง ท้ า ย DOU 151
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More