ข้อความต้นฉบับในหน้า
จตุบาททวิบาทที่ได้แลเห็น ต่างก็งงงันพากันหยุดนิ่งตะลึงไปหมด ทรงพระดำเนินงามหรือเสด็จไปงาม
เช่นนี้ จึงทรงพระนามว่า “สุคโต”
5.4.5 ทรงเป็นผู้รู้แจ้งโลก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โลกวิทู แปลว่า “ผู้รู้แจ้งโลก” คำว่า โลก ในที่นี้มีความหมาย
เป็น 2 นัย คือ
นัยที่ 1 “โลก” หมายถึงชีวิตร่างกายของเรา ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า
“...อาวุโส ในร่างกายซึ่งมีประมาณวาหนึ่ง มีพร้อมทั้งสัญญา พร้อมทั้งใจนี้แล
เราบัญญัติโลกไว้ บัญญัติเหตุเกิดโลกไว้ บัญญัติความดับโลกไว้ และบัญญัติ
ทาง อันจะให้ถึงความดับโลกไว้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งแทงตลอดถึงสภาพอันแท้จริงของชีวิตคนเราว่าต้องมีความแก่เฒ่า
เจ็บไข้ได้ป่วย ต้องกระทบกับความเย็น ร้อน หิว กระหาย ประสบกับสิ่งที่ชอบใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง ทรง
บัญญัติเรื่องนี้ว่า “ทุกขอริยสัจ”
อริยสัจ”
ทรงรู้แจ้งแทงตลอดถึงเหตุแห่งการเกิดของชีวิต ซึ่งทรงบัญญัติว่า “ทุกขสมุทัยอริยสัจ”
ทรงรู้แจ้งแทงตลอดถึงการหยุดเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ซึ่งทรงบัญญัติว่า “ทุกขนิโรธ
ทรงรู้แจ้งแทงตลอดถึงวิธีปฏิบัติ เพื่อหยุดการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งทรงบัญญัติว่า “ทุกขนิโรธคามินี
อริยสัจ” หรือ “มรรคอริยสัจ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียก “นิโรธ” ว่า “ที่สุดแห่งโลก” ณ ที่สุดแห่งโลกนั้น ไม่ต้องเกิด
ไม่ต้องแก่ ไม่ต้องตาย บุคคลที่ยังไม่ถึงที่สุดแห่งโลก ย่อมไม่สามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ที่สุดแห่งโลก
นั้น ไม่สามารถไปถึงได้ด้วยยวดยานใดๆ ทั้งยังไม่ปรากฏว่า มีบุคคลอื่นใดจะพึงทราบ จึงเห็น พึงถึงที่สุด
ของโลกเลย แต่พระองค์นั้นทรงทราบชัดด้วยญาณทัสสนะอันเกิดจากการปฏิบัติธรรม และทรงถึงที่สุด
แห่งโลกแล้ว ทรงอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทรงสงบด้วยประการทั้งปวง มิได้ทรงหวังโลกนี้และโลกหน้า
อีกเลย เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงพระนามว่า “โลกวิทู” คือ “ทรงรู้แจ้งโลก”
นัยที่ 2 “โลก” หมายถึงโลก 3 ซึ่งประกอบด้วย
1) สังขารโลก หมายถึง ขันธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
1พระวิสุทธิมัคคี เผดจ เล่ม 2 หน้า 576
ขจัดกิเลสอาสวะได้หมดสิ้นแล้ว
บทที่ 5 ส ามั ญ ญ ผลเบื้ อ ง ต้ น DOU 57