ข้อความต้นฉบับในหน้า
ด้วยเหตุที่ครูปกุทธกัจจายนะมีความเห็นว่า อณูและจิตเป็นของเที่ยงแท้เช่นนี้ พระพุทธศาสนา
จึงเรียกลัทธินี้ว่า “สัสสตทิฏฐิ
4.4.5 ครูนิครนถนาฏบุตร
ท่านมีอีกชื่อหนึ่งว่า ศาสดามหาวีระ เป็นศาสดาองค์ที่ 24 ของศาสนาเชน (Jainism) ลัทธินี้ถือว่า
“การทรมานกายเป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์” เรียกว่า “อัตตกิลมถานุโยค” นักบวชในกลุ่มนี้มีความเป็น
อยู่อย่างเข้มงวดกวดขันต่อร่างกาย อดข้าว อดน้ำ ตากแดด ตากลม ไม่นุ่งห่มผ้า หรือที่เรียกกันว่า อยู่ใน
สภาพของทิฆัมพร คือ ผู้นุ่งฟ้า สานุศิษย์ในลัทธินี้ เรียกกันว่า “พวกนิครนถ์”
นอกจากนี้ ท่านนิครนถนาฏบุตรยังมีหลักคำสอนแบบ “อเนกานตวาทะ” อีกด้วย คือ เห็นว่า
“ความจริงมีหลายเงื่อนหลายแง่” เช่น เหตุการณ์หนึ่ง เมื่อพิจารณาในแง่นี้อาจจริง ถูกต้อง แต่เมื่อพิจารณา
อีกแง่หนึ่ง ก็ไม่จริง ไม่ถูกต้อง เป็นต้น
ในบรรดาลัทธิทั้ง 6 นี้ มีลัทธินี้เพียงลัทธิเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน รู้จักกันในนามของ
“ศาสนาเชน” โดยอยู่ในฐานะเป็นศาสนาหนึ่งของอินเดีย ปัจจุบันยังมีผู้นับถือศาสนานี้อยู่ในอินเดีย
หลายล้านคน แต่แพร่ออกจากอินเดียไม่ได้ เพราะเคร่งครัดเกินไป นักบวชไม่สามารถขึ้นรถลงเรือได้
4.4.6 ครูสัญชัยเวลัฏฐบุตร หรือ สัญชัยปริพาชก
ท่านผู้นี้ คืออาจารย์เดิมของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ คำสอนต่างๆ ในลัทธินี้ล้วน
“ไม่แน่นอน ซัดส่าย ลื่นไหล” เพราะเหตุหลายอย่าง เช่น
1) เพราะเกรงจะพูดปด จึงต้องปฏิเสธว่า อย่างนี้ก็ไม่ใช่ อย่างนั้นก็ไม่ใช่
2) เพราะเกรงจะเป็นการยึดถือ จึงต้องปฏิเสธแบบข้อ 1)
3) เพราะเกรงจะถูกซักถาม จึงต้องปฏิเสธแบบข้อ 1)
4) เพราะโง่เขลา จึงต้องปฏิเสธแบบข้อ 1) คือไม่ยอมรับอะไร และไม่ยืนยันอะไรทั้งสิ้น พระพุทธ
ศาสนาเรียกคำสอนของท่านผู้นี้ว่า “อมราวิกเขปิกาทิฏฐิ
เพราะเหตุนี้ พระเจ้าอชาตศัตรูจึงทรงมีความเห็นว่า ในบรรดาครูทั้ง 6 นั้น ครูสัญชัยเวลัฏฐบุตร
โง่เขลาเบาปัญญาที่สุด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจัดทิฏฐิ หรือความเห็นของครูทั้ง 6 นี้ว่าเป็น “มิจฉาทิฏฐิ” ทั้งสิ้น
- พระไตรปิฎกสําหรับเยาวชน เล่ม 4 หน้า 3
42 DOU ชี วิ ต ส ม ณ ะ