ข้อความต้นฉบับในหน้า
จ้องจับผิด เพ่งโทษและอิจฉาริษยาผู้อื่นอยู่เสมอ แม้เมื่อออกบวชพร้อมกับราชกุมารแห่งศากยวงศ์
อีก 5 พระองค์ ซึ่งภายหลังต่อมา ราชกุมารเหล่านั้นได้บรรลุมรรคผลชั้นสูงกันถ้วนหน้า และได้บรรลุอรหัตตผล
เข้านิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปในที่สุด แต่พระเทวทัตกลับได้บรรลุเพียงโลกียฌานขั้นต่ำ ซึ่งแม้
จะมีอิทธิฤทธิ์แต่ก็เสื่อมได้
เมื่อพระเทวทัตได้เห็นมหาชนนำลาภสักการะมากมายมาถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าอสีติ
มหาสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เป็นต้น ส่วนตนเองนั้นมิได้รับความยกย่องนับถือ
และมิได้รับลาภสักการะใดๆ ดังเช่น พระที่ออกบวชพร้อมกันจากศากยวงศ์ หรือพระมหาสาวกองค์อื่นๆ
ซึ่งถือกำเนิดในตระกูลต่ำกว่าตน แทนที่พระเทวทัตจะมีโยนิโสมนสิการ พิจารณาแยกแยะหาเหตุผล คิด
พากเพียรพัฒนาตนเองให้บรรลุมรรคผลที่สูงขึ้นไปอีก กลับเอาแต่คิดอิจฉาริษยาพระมหาสาวกเหล่านั้น รวม
ทั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนคิดจะปกครองสงฆ์แทนพระพุทธองค์เสียเอง และแม้มิจฉาทิฏฐิอย่างแรงกล้า
นี้จะมีผลให้พลังอิทธิฤทธิ์เสื่อมไปแล้ว แต่พระเทวทัตก็ยังมิได้สำนึก กลับสร้างกรรมหนักขั้นอนันตริยกรรม
ถึง 2 อย่าง ดังได้กล่าวแล้ว
ในกรณีของพระเทวทัตนี้ ถ้ามองอย่างผิวเผิน เราอาจจะเห็นว่าพระเทวทัตเป็นคนพาล เลวทราม
ต่ำช้า มีมิจฉาทิฏฐิ ไม่น่าคบหา สมควรได้รับการประณามและรับโทษทัณฑ์อย่างหนัก แต่ถ้าจะพิจารณา
โดยแยบคายแล้วจะเห็นว่า พระเทวทัตเป็นบุคคลที่น่าสงสารยิ่งนัก เพราะแม้จะมีบุญวาสนาได้ถือ
กำเนิดในราชสกุล แต่ก็ขาดการอบรมปลูกฝังโยนิโสมนสิการ ยิ่งกว่านั้นยังถือเอาชาติกำเนิดเป็น “ปมเขื่อง
จึงคิดว่าตนจะต้องเหนือกว่าใครๆ เมื่อเห็นใครดีกว่าก็ทนไม่ได้ โดยไม่มีปัญญาคิดพิจารณาคุณธรรม และ
ความสามารถของตนเองเลย แม้มีโอกาสได้พบยอดกัลยาณมิตรของโลกคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ก็ยังเอาดีไม่ได้ ทั้งนี้เพราะนิสัยที่คุ้นอยู่กับการคิดชั่ว พูดชั่วและทำชั่ว ได้ฝังลึกลงในกมลสันดานเสียแล้ว
จากกรณีของพระเทวทัตนี้ กล่าวได้ว่า ผู้ที่ขาดการปลูกฝังอบรมโยนิโสมนสิการมาตั้งแต่เยาว์วัย
ย่อมถูกมิจฉาทิฏฐิครอบงำได้ง่าย จิตใจย่อมเศร้าหมองด้วยอาสวกิเลส เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้นานไป
ย่อมยากที่จะพัฒนาสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้นได้ ดังคำโบราณว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”
ส่วนพระเจ้าอชาตศัตรูนั้น เนื่องจากพระองค์ทรงได้รับการอบรมปลูกฝังโยนิโสมนสิการจาก
ครอบครัวมาแต่เยาว์วัย ทั้งได้มีโอกาสรับรสพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน แต่เพราะเหตุที่
ทรงคบหากับคนพาลคือพระเทวทัต พระเจ้าอชาตศัตรูจึงกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคลไปชั่วระยะหนึ่ง แต่
ต่อมาโยนิโสมนสิการของพระองค์เองได้กระตุ้นเตือนให้ทรงสำนึกผิดจึงทรงขวนขวายหาทางพบกัลยาณมิตร
ในที่สุด พระองค์ก็ทรงได้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นกัลยาณมิตรชี้ทางสว่างให้ ทำให้พระองค์มีโอกาส
เริ่มต้นสั่งสมบุญบารมีได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ยังผลให้อนันตริยกรรมของพระองค์เบาบางลง
กรณีของพระเจ้าอชาตศัตรูนี้ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โยนิโสมนสิการ และการมี
กัลยาณมิตรนั้น เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้คนเป็นคนดี
152 DOU ชี วิ ต ส ม ณ ะ