ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อญาติโยมถวายเสนาสนะให้ แม้ว่าเสนาสนะนั้นจะเป็นเพียงเครื่องปูลาดที่มีคุณภาพต่ำ มีราคาถูกก็ตาม
ย่อมยินดีตามที่ได้นั้น
8) ยถาพลสันโดษในเสนาสนะ คือ ความยินดีตามกำลังในเสนาสนะ เช่น เมื่อภิกษุได้รับ
เสนาสนะที่ใช้แล้วเกิดความสบาย เหมาะกับสุขภาพร่างกายของตน ก็พอใจใช้เสนาสนะนั้น แม้ว่าจะเป็น
ของเก่า หรือของไม่มีราคา ก็มีความยินดีที่จะใช้สอย ไม่ไปเที่ยวแสวงหาเสนาสนะอื่นอีก
9) ยถาสารุปปสันโดษในเสนาสนะ คือ ความยินดีตามสมควรในเสนาสนะ เมื่อภิกษุได้
เสนาสนะที่ดีมาก มีถ้ำและมณฑป (เรือนยอดที่มีรูปสี่เหลี่ยม) เป็นต้น ก็ยกให้แก่พระเถระผู้บวชนาน ภิกษุ
ผู้เป็นพหูสูต ผู้มีลาภน้อย หรือผู้อาพาธเสีย ส่วนตนเองก็ยินดีอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งซึ่งสมควรแก่ตน เมื่ออยู่ใน
เสนาสนะใด เกิดความง่วงเหงาหาวนอน หรือเกิดอกุศลวิตก (ความตรึกในเรื่องกาม ความพยาบาท ความ
เบียดเบียน) ขึ้น ก็ไม่อยู่ในเสนาสนะนั้นอีกต่อไป เลือกอยู่ในที่ที่ไม่เกิดความง่วงเหงาหาวนอน และไม่เกิด
อกุศลวิตก มีที่แจ้งและโคนไม้ เป็นต้น
10) ยถาลาภสันโดษในคิลานปัจจัย คือ ความยินดีตามที่ได้ในคิลานปัจจัย (ปัจจัยสำหรับคนไข้
หรือยารักษาโรค) ภิกษุเมื่อได้คิลานปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าเลวหรือดีอย่างไร ก็ยินดีต่อคิลานปัจจัย
นั้นๆ ไม่ต้องการอย่างอื่นอีก ถึงแม้ว่าจะได้ก็ไม่รับ
11) ยถาพลสันโดษในคิลานปัจจัย คือ ความยินดีตามกำลังในคิลานปัจจัย ได้คิลานปัจจัย
อย่างใดเป็นที่สบายแก่ตน ก็ยินดีต่อคิลานปัจจัยนั้น เช่น ภิกษุอาพาธ จำเป็นต้องใช้ยา คือ น้ำมัน เมื่อได้
มาก็มีความยินดี พอใจในน้ำมันที่ได้มานั้น แต่หากได้ยาอื่น เช่น น้ำอ้อยมา ก็ไม่หวงแหนไว้ นำไปถวายแด่
ภิกษุอื่น
12) ยถาสารุปปสันโดษในคิลานปัจจัย คือ ความยินดีตามสมควรในคิลานปัจจัย ได้แก่ตน
เห็นว่าคิลานปัจจัยที่ดี มี เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เป็นต้น ย่อมสมควรแก่พระเถระผู้บวชนาน
ภิกษุผู้เป็นพหูสูต ผู้มีลาภน้อย หรือผู้อาพาธ จึงยกคิลานปัจจัยที่ดีนั้นให้แก่ภิกษุเหล่านั้นเสีย
จากรายละเอียดในสันโดษ 12 ประการที่ยกมากล่าวนี้ จะเห็นได้ว่า สันโดษแตกต่างกับความ
มักน้อย เพราะสันโดษไม่มีการจำกัดว่ามากน้อยเท่าใด แต่ให้ยินดีในสิ่งที่ได้มา ไม่ว่าจะมากหรือน้อย หรือ
ดีเลวอย่างไรก็ยินดีทั้งนั้น สิ่งใดก่อให้เกิดความสบายแก่ตน ก็ยินดีต่อสิ่งนั้น สิ่งใดสมควรแก่ตน ก็ยินดี
ต่อสิ่งนั้น
อย่างไรก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า ภิกษุผู้มีบริขาร 8 เท่านั้น เป็นผู้สันโดษ ส่วน
พระภิกษุที่มีบริขารมากกว่านี้ ไม่ถือว่าสันโดษ
บริขารทั้ง 8 อันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร มีดโกน หรือมีดตัดเล็บ เข็ม ประคดเอว และ
กระบอกกรองน้ำนี้ สามารถใช้เป็นเครื่องบริหารกายก็ได้ เป็นเครื่องบริหารท้องก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น จีวร
98 DOU ชี วิ ต ส ม ณ ะ