ข้อความต้นฉบับในหน้า
7) เลี้ยงชีพด้วยติรัจฉานวิชา เช่น เป็นหมอดูโชคชะตา หมอปลุกเสก หมอเสน่ห์ หมอผี
หมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน ทายทักลักษณะบุรุษ สตรี เด็ก หรือสัตว์ต่างๆ ตลอดจน การพยากรณ์
เหตุการณ์ ต่างๆ การให้ฤกษ์วิวาห์ เป็นต้น
8) เล่นเกมต่างๆ เช่น หมากรุก หมากฮอร์ส เล่นไพ่ เพื่อความสนุกสนาน เล่นเกมคอมพิวเตอร์
เล่นตะกร้อ เป็นต้น
9) โอ้อวดความรู้ความสามารถของตนเอง กล่าวดูถูกวัตรปฏิบัติของบรรพชิตรูปอื่น
10) ไม่สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6
11) แสดงพระธรรมเทศนาผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัย หรือเผยแพร่คำสอนอันเป็นมิจฉาทิฏฐิ
เช่น สอนว่านรกสวรรค์ไม่มี สัตว์ทั้งหลายตายแล้วสูญ ไม่มีโลกหน้า หรือภพหน้า เป็นต้น
12) ใช้กลอุบายหลอกลวงให้สาธารณชนเข้าใจผิด เช่น หลอกลวงให้เข้าใจว่าตนเป็นพระอริยบุคคล
13) ไม่สันโดษ ข้อนี้สังเกตได้จากการตกแต่งเสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย) อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ด้วย
เครื่องเรือนราคาแพง มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย หรือความบันเทิง ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อส่งเสริมการ
ปฏิบัติธรรม หรือมีการสะสมสิ่งของเครื่องใช้ไว้ในกุฏิมากมายเกินความจำเป็น
ลักษณะของพระภิกษุที่ไม่ควรนับถืออาจมีมากกว่านี้ กระนั้นก็ตาม ภิกษุที่มีพฤติกรรมเข้าลักษณะ
แม้เพียงข้อใดข้อหนึ่งใน 13 ข้อนี้ พุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็พึงตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่า น่าจะเป็นพระภิกษุ
ที่ย่อหย่อนในพระธรรมวินัย มิได้บวชเข้ามาเพื่ออบรมตนให้เป็นพระดีตามหลักพระพุทธศาสนาด้วยประการ
ทั้งปวง
9.4 การปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนต่อพระภิกษุสงฆ์
ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ภิกษุต้องเลี้ยงชีพด้วยการบิณฑบาต คือ การรับอาหารเลี้ยงชีวิต
จากชาวบ้าน และหน้าที่อันแท้จริงของภิกษุก็คือ การศึกษาค้นคว้า และปฏิบัติธรรม แล้วนำความรู้นั้นมา
เผยแผ่ โดยให้การศึกษาอบรมด้านคุณธรรมแก่บุคคลในชุมชนหรือสังคม เพื่อให้สมาชิกในสังคมสามารถ
อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ดังนั้นชาวพุทธทั้งหลายจึงควรปฏิบัติต่อพระภิกษุสงฆ์ โดยแยกพิจารณาเป็น
2 กลุ่ม คือ
1. การปฏิบัติต่อพระภิกษุที่ดี
1.1 ให้การทำนุบำรุงด้วยปัจจัย 4 อันเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพ
1.2 ให้การสนับสนุนปัจจัยต่างๆ เพื่อการศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระภิกษุเอง
1.3 สนับสนุนการเผยแผ่ธรรมะ โดยวิธีการต่างๆ ตามความเหมาะสม
บ ท ที่ 9 บ ท ส่ ง ท้ า ย DOU 139