ข้อความต้นฉบับในหน้า
จักษุ” อันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมว่า
สัตว์ที่ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็น
มิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะ
กายแตก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์ที่ประกอบด้วยกายสุจริต
วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำ
ด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลก
สวรรค์ดังนี้ เธอย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี
มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อม
รู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้
มหาบพิตร เปรียบเหมือนปราสาทตั้งอยู่ท่ามกลางทาง 3 แพร่ง บุรุษผู้มี
จักษุยืนอยู่บนปราสาทนั้น จะพึงเห็นหมู่ชนกำลังเข้าบ้านบ้าง ออกจากบ้านบ้าง
เดินอยู่ตามถนนบ้าง นั่งอยู่ท่ามกลางทาง 3 แพร่งบ้าง เขาจะพึงรู้ว่าคนเหล่า
นี้เข้าบ้าน คนเหล่านี้ออกนอกบ้าน คนเหล่านี้เดินตามถนน คนเหล่านี้นั่งอยู่
ท่ามกลางทาง 3 แพร่งฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่อง
แผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส นุ่มนวล ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว
อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย เธอเห็นหมู่สัตว์
ที่กำลังจุติ กำลังอุบัติ... ด้วย “ทิพยจักษุ” อันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อม
รู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ มหาบพิตร นี้แหละ สามัญญ
ผลที่เห็นประจักษ์ทั้งดียิ่งกว่าทั้งประณีตกว่าสามัญญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อนๆ”
ญาณที่ทำให้สามารถเล็งเห็นการเวียนว่ายตายเกิดของหมู่สัตว์ ตลอดจนกฎแห่งกรรมนี้ มีชื่อ
เรียกโดยเฉพาะว่า “ทิพยจักษุ” หรือ “จุตูปปาตญาณ” หรือ “ตาทิพย์” นั่นเอง
8.9 สามัญญผลลำดับที่ 8
เมื่อผู้เจริญภาวนาสามารถประคองจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ยิ่งขึ้นต่อไปอีก จิตย่อมบริสุทธิ์หมดจด
จากกิเลสและอุปกิเลสโดยสิ้นเชิง จิตจึงผ่องแผ้วสว่างไสวถึงที่สุด ยังผลให้บรรลุญาณอันหยั่งรู้อริยสัจ 4
รู้ว่าจิตของตนหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวงแล้ว นั่นคือบรรลุอรหัตตผล ซึ่งเป็นสามัญญผลขั้นสูงสุด
ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระเจ้าอชาตศัตรู ดังนี้
*สามัญญผลสูตร ที. ส. 9/137/108
126 DOU ชี วิ ต ส ม ณ ะ