ข้อความต้นฉบับในหน้า
บุญใหม่ คือ บุญที่ทำมาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน
ถ้าบุญเก่าทำมาดี จะส่งผลให้เกิดสมบัติในชาติปัจจุบัน เช่น เกิดมาร่ำรวยด้วยทรัพย์ (ทรัพย์
สมบัติดี เพราะบุญเก่าคือทำทานมาดี) มีรูปร่างงดงาม (รูปสมบัติดี เพราะบุญเก่าคือรักษาศีลมาดี) และมี
ความเฉลียวฉลาด (คุณสมบัติดี เพราะบุญเก่าคือเจริญภาวนามาดี) และแม้จะมีบางคนที่ปัจจุบันไม่ได้ทำบุญ
อีกทั้งยังตระหนี่ถี่เหนียว แต่ว่ากลับร่ำรวยขึ้นมา นั่นก็เป็นเพราะว่าบุญในอดีตที่ตนเองทำไว้ยังตามส่งผลให้
อยู่นั่นเอง
ส่วนคนบางคนแม้จะทำบุญทำทานในชาตินี้ตั้งมากมายก็ไม่รวยสักทีจนถึงกับคิดไปว่า “ทำดีไม่ได้ดี”
หรือ “ทำบุญ บุญไม่ส่งผล” ก็มีเหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าในอดีตทำทานมาน้อยเกินไป บุญจึงไม่พอจะ
ดึงดูดสมบัติให้เกิดมากๆ ได้ตามต้องการ แต่ถึงอย่างไร บุญที่ทำไว้ก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่รอเวลาที่จะ
ส่งผลให้ในชาติต่อๆ ไปเท่านั่นเอง
แต่ก็มีบางคนที่เกิดมาโชคดี ที่สามารถทำบุญใหม่ในชาตินี้ แล้วได้ผลบุญทันตาเห็น ซึ่งเป็นเพราะ
ได้สร้างบุญในเขตบุญอันอุดม ที่เรียกว่า สัมปทาคุณ (ความถึงพร้อมด้วยคุณพิเศษ) ซึ่งถ้าใครก็ตาม
ได้สร้างบุญที่ประกอบด้วยสัมปทาคุณทั้ง 4 ประการนี้ ก็จะทำให้ทานที่บริจาคแล้วมีผลยอดเยี่ยม และ
ให้ผลได้ในภพปัจจุบันทันทีทันใด
สัมปทาคุณ 4 ประการ ประกอบด้วย
1. วัตถุสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งวัตถุในที่นี้หมายถึงผู้รับ คือปฏิคาหก ต้องเป็นทักขิไณยบุคคล
ผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยคุณธรรม ยิ่งมีคุณธรรมสูงมากเท่าใดก็ยิ่งทำให้ทานของผู้บริจาคมีผลมากขึ้นเท่านั้น
2. ปัจจยสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งปัจจัย ในที่นี้หมายถึงสิ่งของที่จะนำมาทำบุญ ต้องได้มา
อย่างบริสุทธิ์โดยชอบธรรม
3. เจตนาสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งเจตนา ในที่นี้หมายถึงมีเจตนาดี เจตนาเพื่อชำระกิเลส
บูชาคุณ เพื่อสงเคราะห์ หรืออนุเคราะห์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิได้หวังลาภ ยศ หรือชื่อเสียง มีเจตนาดีทั้ง 3
กาล คือก่อนให้ก็ดีใจ กำลังให้ก็เลื่อมใส ครั้นให้แล้วก็เบิกบานใจ อย่างนี้เรียกว่าถึงพร้อมด้วยเจตนา
4. คุณาติเรกสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งคุณพิเศษของปฏิคาหก คือผู้รับเป็นทักขิไณยบุคคล
ที่มีคุณธรรมพิเศษ ซึ่งระบุไว้ว่า ผู้รับจะต้องเป็นผู้ที่ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ซึ่งผู้ที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้
ก็คือพระอรหันต์ หรืออย่างต่ำต้องเป็นพระอนาคามีบุคคล
บุคคลใดที่ได้ทำทานโดยถึงพร้อมด้วยคุณวิเศษทั้ง 4 ประการนี้จะได้ผลบุญทันตาเห็น ดังมีกรณีของ
“นายปุณณะ” เป็นตัวอย่าง
บทที่ 3 ก า ร ท ท า น ที่ สมบูรณ์ แบบ DOU 57