บุญใหม่และผลแห่งการทำบุญ SB 101 วิถีชาวพุทธ หน้า 68
หน้าที่ 68 / 226

สรุปเนื้อหา

บุญใหม่ คือ บุญที่สะสมมาตั้งแต่แรกเกิด โดยบุญเก่าที่ดีจะส่งผลให้เกิดสมบัติในชาติปัจจุบัน เช่น ความร่ำรวย รูปร่างงดงาม และความเฉลียวฉลาด แม้จะไม่ทำบุญในปัจจุบัน แต่บุญในอดีตก็ยังส่งผลอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การทำบุญในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากประกอบด้วยสัมปทาคุณ 4 ประการ ซึ่งได้แก่ วัตถุสัมปทา ปัจจยสัมปทา เจตนาสัมปทา และคุณาติเรกสัมปทา ตัวอย่างเช่น นายปุณณะที่ได้ทำบุญโดยถึงพร้อมด้วยคุณวิเศษทั้ง 4 ประการ จึงเห็นผลบุญทันทีในชีวิตปัจจุบัน.

หัวข้อประเด็น

-บุญใหม่
-สัมปทาคุณ
-ผลบุญในปัจจุบัน
-การทำบุญอย่างมีประสิทธิภาพ
-คุณธรรมและการทำทาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

บุญใหม่ คือ บุญที่ทำมาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน ถ้าบุญเก่าทำมาดี จะส่งผลให้เกิดสมบัติในชาติปัจจุบัน เช่น เกิดมาร่ำรวยด้วยทรัพย์ (ทรัพย์ สมบัติดี เพราะบุญเก่าคือทำทานมาดี) มีรูปร่างงดงาม (รูปสมบัติดี เพราะบุญเก่าคือรักษาศีลมาดี) และมี ความเฉลียวฉลาด (คุณสมบัติดี เพราะบุญเก่าคือเจริญภาวนามาดี) และแม้จะมีบางคนที่ปัจจุบันไม่ได้ทำบุญ อีกทั้งยังตระหนี่ถี่เหนียว แต่ว่ากลับร่ำรวยขึ้นมา นั่นก็เป็นเพราะว่าบุญในอดีตที่ตนเองทำไว้ยังตามส่งผลให้ อยู่นั่นเอง ส่วนคนบางคนแม้จะทำบุญทำทานในชาตินี้ตั้งมากมายก็ไม่รวยสักทีจนถึงกับคิดไปว่า “ทำดีไม่ได้ดี” หรือ “ทำบุญ บุญไม่ส่งผล” ก็มีเหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าในอดีตทำทานมาน้อยเกินไป บุญจึงไม่พอจะ ดึงดูดสมบัติให้เกิดมากๆ ได้ตามต้องการ แต่ถึงอย่างไร บุญที่ทำไว้ก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่รอเวลาที่จะ ส่งผลให้ในชาติต่อๆ ไปเท่านั่นเอง แต่ก็มีบางคนที่เกิดมาโชคดี ที่สามารถทำบุญใหม่ในชาตินี้ แล้วได้ผลบุญทันตาเห็น ซึ่งเป็นเพราะ ได้สร้างบุญในเขตบุญอันอุดม ที่เรียกว่า สัมปทาคุณ (ความถึงพร้อมด้วยคุณพิเศษ) ซึ่งถ้าใครก็ตาม ได้สร้างบุญที่ประกอบด้วยสัมปทาคุณทั้ง 4 ประการนี้ ก็จะทำให้ทานที่บริจาคแล้วมีผลยอดเยี่ยม และ ให้ผลได้ในภพปัจจุบันทันทีทันใด สัมปทาคุณ 4 ประการ ประกอบด้วย 1. วัตถุสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งวัตถุในที่นี้หมายถึงผู้รับ คือปฏิคาหก ต้องเป็นทักขิไณยบุคคล ผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยคุณธรรม ยิ่งมีคุณธรรมสูงมากเท่าใดก็ยิ่งทำให้ทานของผู้บริจาคมีผลมากขึ้นเท่านั้น 2. ปัจจยสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งปัจจัย ในที่นี้หมายถึงสิ่งของที่จะนำมาทำบุญ ต้องได้มา อย่างบริสุทธิ์โดยชอบธรรม 3. เจตนาสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งเจตนา ในที่นี้หมายถึงมีเจตนาดี เจตนาเพื่อชำระกิเลส บูชาคุณ เพื่อสงเคราะห์ หรืออนุเคราะห์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิได้หวังลาภ ยศ หรือชื่อเสียง มีเจตนาดีทั้ง 3 กาล คือก่อนให้ก็ดีใจ กำลังให้ก็เลื่อมใส ครั้นให้แล้วก็เบิกบานใจ อย่างนี้เรียกว่าถึงพร้อมด้วยเจตนา 4. คุณาติเรกสัมปทา คือ ความถึงพร้อมแห่งคุณพิเศษของปฏิคาหก คือผู้รับเป็นทักขิไณยบุคคล ที่มีคุณธรรมพิเศษ ซึ่งระบุไว้ว่า ผู้รับจะต้องเป็นผู้ที่ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ซึ่งผู้ที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้ ก็คือพระอรหันต์ หรืออย่างต่ำต้องเป็นพระอนาคามีบุคคล บุคคลใดที่ได้ทำทานโดยถึงพร้อมด้วยคุณวิเศษทั้ง 4 ประการนี้จะได้ผลบุญทันตาเห็น ดังมีกรณีของ “นายปุณณะ” เป็นตัวอย่าง บทที่ 3 ก า ร ท ท า น ที่ สมบูรณ์ แบบ DOU 57
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More