การรักษาศีล 8 ในพระพุทธศาสนา SB 101 วิถีชาวพุทธ หน้า 170
หน้าที่ 170 / 226

สรุปเนื้อหา

การรักษาศีล 8 เป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น และส่งเสริมความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติธรรม ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กำหนดศีล 8 เพื่อเป็นทางลัดสู่การหมดกิเลสและเข้าถึงพระนิพพานอย่างมีประสิทธิภาพ การเว้นจากการเสพเมถุนและการบริโภคโภชนาที่เหมาะสม เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการรักษาศีลนี้ การประพฤติพรหมจรรย์ช่วยเพิ่มพูนจิตใจและเปิดโอกาสในการศึกษาและปฏิบัติธรรมให้ลึกซึ้งขึ้น....

หัวข้อประเด็น

-ศีล 8
-การประพฤติพรหมจรรย์
-การปฏิบัติธรรม
-ความบริสุทธิ์
-อุโบสถศีล

ข้อความต้นฉบับในหน้า

9.1.1 ทำไมต้องรักษาศีล 8 จากวัตถุประสงค์ของการรักษาศีลทั้ง 5 ข้อ ในบทที่ 6 เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่า วัตถุประสงค์ที่แท้จริงนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการให้เกิดความบริสุทธิ์ทางกายและวาจา เพื่อเป็นพื้นฐาน รองรับการปฏิบัติธรรมขั้นสูงต่อไป ศีลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้นมีหลายระดับ เพื่อความเหมาะสม และความพร้อมของ แต่ละบุคคล การรักษาศีลในแต่ละระดับนั้น ยิ่งรักษาในระดับที่สูงขึ้น ย่อมทำให้เกิดความบริสุทธิ์มาก ยิ่งขึ้นตามไปด้วย เป็นการย่นย่อระยะทางสู่พระนิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารถนาจะชี้ทางลัดในการประพฤติธรรม เพื่อความหมดกิเลสเข้า พระนิพพานแก่สาวกของพระองค์ จึงทรงให้รักษาศีล 8 หรืออุโบสถศีล ในวันพระ ในระหว่างเข้าพรรษา ในโอกาสการอยู่ธุดงค์ หรือในโอกาสใดโอกาสหนึ่งที่กำหนดขึ้นตามความเหมาะสม การรักษาศีล 8 เป็นทางลัดสู่ความเป็นผู้หมดกิเลสได้อย่างไร ก่อนอื่นต้องมาพิจารณาศีลข้อที่ เพิ่มขึ้นจากศีล 5 ว่ามีความมุ่งหมายอย่างไร ดังนี้ ข้อที่ 3 ในศีล 8 นี้จะเป็นการยกระดับของใจให้ประเสริฐยิ่งขึ้น ด้วยการประพฤติพรหมจรรย์ คือ เว้นจากการเสพเมถุน ซึ่งมีใจความว่า อะพรัหมะจะริยา เวรมะณี หมายถึง เจตนาเครื่องงดเว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ อยู่เยี่ยงพรหม ไม่เกี่ยวข้องเรื่องเพศ เป็นการยกใจให้สูงขึ้น และให้สงบเต็มที่ เพื่อจะได้มีโอกาสศึกษา ปฏิบัติ และพิจารณาธรรมขั้นสูงยิ่งๆ ขึ้นไป ส่วนข้อ 6,7,8 เป็นการสนับสนุนให้การประพฤติพรหมจรรย์มีความบริสุทธิ์บริบูรณ์ยิ่งขึ้น ในศีลข้อ 6 คือ วิกาละโภชะนา เวระมะณี หมายถึง เจตนาเครื่องงดเว้นจากการบริโภคโภชนะ ในเวลาวิกาล คือ ตั้งแต่เที่ยงจนอรุณขึ้นมาใหม่ ในทัศนะทางพระพุทธศาสนา พิจารณาเห็นว่า อาหารมื้อเช้าใช้ประโยชน์ในการซ่อมแซมร่างกาย ที่สึกหรอ อาหารกลางวันใช้ประโยชน์ในการสร้างกำลังกายและการเจริญเติบโต ส่วนอาหารมื้อเย็นจะ กลายเป็นส่วนเกินไป และส่งผลให้เกิดการกำเริบ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้ทำงานหนัก ในเรื่องรสของอาหาร คนทั่วไปมักติดในรสชาติ จึงแสวงหาความอร่อยโดยเฉพาะอาหารมื้อเย็น ที่เป็นส่วนเกิน การแสวงหานี้เกิดจากอำนาจความอยากในรส ทางพระพุทธศาสนา เรียกกิเลสตัวนี้ว่า รสตัณหา ชื่อว่า ตัณหา คือความอยาก ย่อมไม่รู้จักคำว่าอิ่ม แม้ร่างกายไม่ต้องการ แต่ใจมันอยาก จึงขวนขวาย แสวงหาไม่สิ้นสุด ทำให้เกิดทุกข์โทษภัยต่างๆ จากการแสวงหาที่ผิดศีลที่ไปเบียดเบียนสัตว์อื่น จากอาหาร ที่เป็นส่วนเกิน หรือพิษภัยจากอาหารที่อร่อย บทที่ 9 ศีล 8 แ ล ะ อุโบสถศีล DOU 159
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More