ปาริสุทธิศีล และ อินทรียสังวรศีล SB 101 วิถีชาวพุทธ หน้า 107
หน้าที่ 107 / 226

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับปาริสุทธิศีล ซึ่งเป็นศีลสำหรับผู้ที่มุ่งสู่ความบริสุทธิ์ในชีวิต โดยเฉพาะพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มี 4 ประการ ได้แก่ ปาฏิโมกขสังวรศีล อินทรียสังวรศีล และอื่นๆ ที่ช่วยให้การปฏิบัติธรรมเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและสงบสุข โดยผ่านการสำรวมและมีสติตลอดเวลา การรักษาศีลนี้ไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันการทำบาป แต่ยังเป็นวิธีที่จะพาไปสู่ความสุขและนิพพานตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หัวข้อประเด็น

-ปาริสุทธิศีล
-อินทรียสังวรศีล
-ความบริสุทธิ์ในชีวิต
-พระภิกษุในพระพุทธศาสนา
-การสำรวมระวังในชีวิตประจำวัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

6. เว้นบริโภคโภชนะในเวลาวิกาล คือ ตั้งแต่เที่ยงแล้วจนอรุณขึ้นมาใหม่ 7. เว้นจากการขับร้องประโคมดนตรี ดูการละเล่นต่างๆ อันเป็นข้าศึกแก่กุศล ตลอดจนลูบไล้ ทัดทรง ประดับตกแต่งร่างกาย ด้วยดอกไม้ ของหอม เครื่องย้อม เครื่องทา 8. เว้นจากการนั่ง และนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ ภายในยัดด้วยนุ่นและสำลี 5.4.3 ปาริสุทธิศีล (มหาศีล) เป็นศีลสำหรับผู้ที่มุ่งสู่ความบริสุทธิ์ และความสงบสุขของชีวิต เช่นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการเกื้อกูลต่อการทำภูมิจิตให้สูงยิ่งขึ้นไป มี 4 ประการ คือ ปาฏิโมกขสังวรศีล คือการสำรวมในพระปาฏิโมกข์ (ศีล 227 ข้อ) ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ ศีลข้อนี้สำเร็จได้ด้วย ศรัทธา เพราะด้วยเหตุที่ปาฏิโมกข์สังวรศีลนั้น พระภิกษุได้สมาทานไว้ในวันอุปสมบท ด้วยความเชื่อใน ปัญญาตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าศีลหรือสิกขาบทเหล่านั้นเป็นสิ่งดีจริง ที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติ สามารถกำจัดทุกข์ไปสู่พระนิพพานได้โดยง่าย ดังนั้น พระภิกษุทั้งหลายจึงตั้งใจรักษาไว้ด้วยชีวิต สมดังที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน ปหาราทสูตร ว่า “ดูก่อนปหาราทะ น้ำในมหาสมุทรย่อมเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ แต่ไม่ล้นฝั่งขึ้นมาฉันใด สาวกทั้งหลาย ของเราก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมไม่ล่วงสิกขาบทที่เราบัญญัติไว้แล้ว ด้วยเหตุแห่งชีวิต” อินทรียสังวรศีล คือการสำรวมในอินทรีย์ 6 อันประกอบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กล่าวคือ ไม่ให้ยินดียินร้าย ในการเห็นรูป ฟังเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส การถูกต้องสัมผัส หรือในการรับรู้อารมณ์ต่างๆ ด้วยใจ หมายความว่า สำรวมระวังไม่ให้บาปอกุศลครอบงำ ศีลข้อนี้สำเร็จได้ด้วยสติ (ความระลึกได้) เพราะสติจะเป็นเครื่อง ป้องกันไม่ให้บาปอกุศลเข้าครอบงำใจ ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน สติสูตร ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ หิริและโอตตัปปะ ชื่อว่า มีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสติและสัมปชัญญะ เมื่อ หิริและ โอตตัปปะ มีอยู่ อินทรียสังวรชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ ด้วยหิริและโอตตัปปะ” 2 ปหาราทสูตร, อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต, มก. เล่ม 37 ข้อ 109 หน้า 402. สติสูตร, อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต, มก. เล่ม 37 ข้อ 187 หน้า 669. 96 DOU บทที่ 5 ศีล คือ อะไร
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More