ข้อความต้นฉบับในหน้า
แตกต่างที่เวลา
เวลาในการให้ทานก็มีผลต่ออานิสงส์ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน บางคนเมื่อเกิดความเลื่อมใสในที่ใดก็ ให้
ทานทันที แต่กับบางคนจะให้ทานก็ต่อเมื่อตนเองมีความพร้อม หรือบางคนคิดจะให้ก็บังเกิดความลังเล เพราะ
ความตระหนี่เข้าครอบงำ กว่าจะตัดใจให้ได้ก็ล่วงเลยเวลาไปนาน
การให้ทานในเวลาที่แตกต่างกัน ย่อมมีอานิสงส์แตกต่างกันไม่น้อย นั่นคือ ผู้ที่ให้ทานทันทีที่จิต เลื่อม
ใส โดยไม่รีรอว่าจะต้องพร้อมก่อน ไม่ลังเลหรือนึกเสียดาย ในเวลาบุญให้ผล ก็ย่อมได้รับอานิสงส์ ก่อน
ใคร และได้อย่างเต็มที่ไม่มีตกหล่น แต่หากทำบุญช้าหรือลังเลอยู่ บาปอกุศลก็ได้ช่อง ถึงคราวบุญ ส่งผล
ก็ส่งให้ช้า และได้อย่างไม่เต็มที่อีกด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ว่า
“บุคคลพึงรีบขวนขวายในความดี จึงห้ามจิตเสียจากบาป
เพราะว่า เมื่อบุคคลทำความดีช้าอยู่ ใจจะยินดีในบาป”
แตกต่างที่ทำตามลำพังหรือทำร่วมกันเป็นหมู่คณะ
คนบางคนแม้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีทรัพย์มาก แต่กลับขาดเพื่อนพ้องบริวาร เวลาทำกิจการงานหรือ
ประสบอุปสรรคอันใด ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเกื้อกูล
คนบางคนแม้ยากจนไม่มีทรัพย์สมบัติ แต่กลับมีเพื่อนพ้อง และญาติพี่น้องบริวารมากมาย
ที่คอยช่วยเหลือให้พึ่งพาได้ในยามที่ต้องการ
คนบางคนไม่มีทั้งทรัพย์สมบัติ ไม่มีทั้งเพื่อนพ้องบริวาร จะทำมาหาเลี้ยงชีพหรือทำกิจการงาน ก็
ลำาบากยากแค้น
แต่คนบางคนกลับสมบูรณ์พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติ ทั้งบริวาร จะทำกิจการงานอันใด ก็สำเร็จ
สมปรารถนา ชีวิตจึงมีความสุขอย่างเต็มที่
เหตุที่ทำให้คนเหล่านี้มีความแตกต่างกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงเหตุนั้นไว้ว่า
“คนบางคนให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนผู้อื่น ไม่ว่าจะเกิดภพชาติใดๆ
ย่อมได้แต่โภคทรัพย์สมบัติ ไม่ได้บริวารสมบัติ
คนบางคนไม่ให้ทานด้วยตนเอง แต่ชักชวนผู้อื่น ไม่ว่าจะเกิดภพชาติใดๆ
ย่อมไม่ได้โภคทรัพย์สมบัติ แต่ได้บริวารสมบัติ
คนบางคนไม่ให้ทานด้วยตนเอง และไม่ชักชวนผู้อื่น ไม่ว่าจะเกิดภพชาติใดๆ
ย่อมไม่ได้ทั้งโภคทรัพย์สมบัติ และบริวารสมบัติ
อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่องพราหมณ์ชื่อจูเฬกสาฎก, มก. เล่ม 42 หน้า 8.
บทที่ 3 ก า ร ท ท า น ที่ สมบูรณ์ แบบ DOU 65