ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทรงจําไว้ไม่ได้ มากกว่าโดยแท้
สัตว์ที่ไตร่ตรองอรรถแห่งธรรมที่ตนทรงจำไว้ได้ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่
ไม่ไตร่ตรองอรรถแห่งธรรมที่ตนทรงจำไว้ได้ มากกว่าโดยแท้
สัตว์ที่รู้ทั่วถึงอรรถ รู้ทั่วถึงธรรม แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม มีเป็น
ส่วนน้อย สัตว์ที่ไม่รู้ทั่วถึงอรรถ ไม่รู้ทั่วถึงธรรม แล้วปฏิบัติธรรมสมควร แก่ธรรม
มากกว่าโดยแท้” 1
พวกเราทุกคนเป็นผู้มีโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เกิดในประเทศที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง และคำสอน
ของพระสัพพัญญูพุทธเจ้ายังมีผู้สืบทอดนำมาแสดงอยู่เสมอ แต่จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง หากผู้ที่ได้ศึกษา
ธรรมนั้นหมั่นศึกษาศิลปะการถ่ายทอดธรรมะ และฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้สามารถแสดงธรรมได้ ซึ่งจะช่วย
ดำรงพุทธศาสนาให้คงอยู่อย่างมั่นคงสืบไป เพราะผลของการแสดงธรรมนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อการดำรง
คงอยู่ของศาสนา ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 5 ประการเหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่น
ไม่เลอะเลือน ไม่เสื่อมสูญ แห่งสัทธรรม ธรรม 5 ประการเหล่านี้ คือ
1. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม (เรียนรู้พระไตรปิฎก)
2. ภิกษุย่อมแสดงธรรมตามที่ฟังมา ตามที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร
(ให้ธรรมทาน แก่คนจำนวนมาก)
3. ภิกษุย่อมบอกธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร
(การสนทนาธรรมอย่างง่ายๆ)
4. ภิกษุย่อมสาธยายธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร
(อธิบายธรรมอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน)
5. ภิกษุย่อมตรึกตรอง เพ่งด้วยใจ ซึ่งพระสัทธรรมตามที่ได้ฟังและเล่าเรียนมา
แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร”
ความสำคัญอีกประการหนึ่งของธรรมทาน คือ เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ตลอด
ระยะเวลาของการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภพชาติต่างๆ นั้น พระพุทธองค์ทรงเป็น
ตัวอย่างของผู้ให้มาโดยตลอด ให้ตั้งแต่สิ่งที่เป็นอามิสทั้งหลาย จนกระทั่งเลือดเนื้อและชีวิต ท้ายที่สุด
พระองค์ทรงให้ธรรมทาน คือ พุทธศาสนา และยังทรงปรารถนาให้พุทธบริษัททั้งหลาย ได้เรียนรู้ ปฏิบัติ
และถ่ายทอดสืบต่อกันไป เพื่อให้เป็นประโยชน์กับสรรพสัตว์ทั้งหลายให้นานที่สุด ดังที่ทรงตรัสกับมาร
อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต, เล่ม 33 ข้อ 205 หน้า 205.
ท ที่ 4
บ ท ท 4
ธรรมทาน
DOU 81