การให้ทานที่ส่งผลบุญ SB 101 วิถีชาวพุทธ หน้า 75
หน้าที่ 75 / 226

สรุปเนื้อหา

การให้ทานมีความสำคัญมากในพระพุทธศาสนา โดยมีเจตนา 3 ระยะ คือ ก่อนให้ ก็ดีใจ, ขณะให้ มีกำลังใจดี, และหลังจากให้ มีความปีติเบิกบาน หากมีเจตนาบริสุทธิ์จะส่งผลอานิสงส์ให้มากขึ้น การให้ทานแก่ผู้มีศีลเป็นทาที่มีผลมาก ในขณะที่การให้แก่ผู้ที่ทุศีลจะมีอานิสงส์น้อยลง ผลบุญจากการให้ที่ประกอบด้วยคุณลักษณะ 6 ประการ นับว่าเป็นบุญใหญ่ที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ เช่น น้ำในมหาสมุทร ซึ่งสามารถนำไปสู่ความสุขและการเกิดในสวรรค์ได้และมีประโยชน์ที่น่าพอใจในวงกว้าง โดยเจตนาที่บริสุทธิ์และการรับอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างบุญที่เกิดขึ้นได้มาก.

หัวข้อประเด็น

-เจตนาในการให้ทาน
-อานิสงส์ของการให้ทาน
-คุณลักษณะของผู้ให้และผู้รับ
-ความสำคัญของการให้ทานในพระพุทธศาสนา
-การให้ทานแก่ผู้มีศีล

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทั้ง 3 ระยะ เป็นสำคัญ คือ ก่อนให้ก็ดีใจ ขณะให้ก็เลื่อมใส และหลังจากให้แล้วก็ปีติเบิกบานใจ หากสามารถ ประคองเจตนาทั้ง 3 ระยะนี้ได้ นั่นย่อมหมายถึงอานิสงส์ผลบุญที่จะเกิดขึ้นอย่างสุดประมาณ ดังที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน ทานสูตร ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทานที่ประกอบด้วยองค์ 6 คือ องค์ของผู้ให้ 3 อย่าง องค์ ของผู้รับ 3 อย่าง องค์ของผู้ให้ 3 อย่าง (เจตนา 3) คือ ก่อนให้ก็ดีใจ กำลัง ให้ก็มีใจผ่องใส ครั้นให้เสร็จแล้วมีความเบิกบานใจ องค์ของผู้รับ 3 อย่าง คือ เป็นผู้ปราศจากราคะ หรือปฏิบัติเพื่อความไม่มีราคะ เป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฏิบัติเพื่อความไม่มีโทสะ เป็นผู้ปราศจากโมหะ หรือ ปฏิบัติเพื่อความไม่มีโมหะ ทานที่ประกอบด้วยคุณลักษณะ 6 ประการนี้ เป็นบุญใหญ่ นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ ยิ่งใหญ่นัก เหมือนน้ำในมหาสมุทร นับหรือคำนวณไม่ได้ว่ามี ขนาดเท่าใด ทานที่พรั่งพร้อมด้วยคุณลักษณะเหล่านี้ ย่อมเป็นที่หลั่งไหลแห่งบุญ หลั่งไหลแห่งกุศล นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์เลิศด้วยดี มีวิบากเป็นสุข เป็นไปพร้อมเพื่อการเกิดขึ้นในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ” แต่หากไม่สามารถประคับประคองเจตนาให้บริสุทธิ์ทั้ง 3 ระยะได้ ผลบุญย่อมลดหย่อนลงไป ตามส่วนที่ควรจะเป็น แตกต่างที่เนื้อนาบุญ นอกจากเจตนาที่บริสุทธิ์ทั้ง 3 ระยะแล้ว ปฏิคาหกหรือผู้รับทานนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกประการ หนึ่ง ที่ทำให้ผลแห่งทานมีมากหรือน้อยแตกต่างกัน การให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล มีความบริสุทธิ์ เป็นทักขิไณยบุคคล ชื่อว่าเป็นทานที่มีผลมาก มีผลไพศาล ส่วนทานที่ให้ในบุคคลผู้ทุศีล หามีผลมาก มีอานิสงส์มากไม่ ดังที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ปสาทสูตร ว่า “สงฆ์ทั้งหลายก็ดี คณะทั้งหลายก็ดี มีประมาณเท่าใด สงฆ์สาวกของตถาคต ปราชญ์กล่าวว่าเป็นยอดแห่งสงฆ์ แห่งคณะทั้งปวงนั้น สงฆ์สาวกของตถาคตคือใคร คือคู่แห่งบุรุษ 4 บุรุษ บุคคล 8 (หมายถึงพระอริยเจ้า) นี่สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระ ภาคเจ้า ผู้ควรของคำนับ ผู้ควรของต้อนรับ ผู้ควรของทำบุญ ผู้ควรทำอัญชลี ผู้เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่าสัตว์เหล่าใดเลื่อมใสในพระสงฆ์สัตว์เหล่า นั้นจึงชื่อว่าเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ เมื่อเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศ ก็ย่อมได้ผลอันเลิศ” ทานสูตร, ฉักกนิบาต อังคุตตรนิกาย, มก. เล่ม 36 ข้อ 308 หน้า 628. * ปสาทสูตร, อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต, มก. เล่ม 35 ข้อ 34 หน้า 130. 64 DOU บ ท ท ท ที่ 3 ก า ร ท า ท า น น ที่ ส สม บูรณ์ แ บ บ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More