ผลของการทำทานและอานิสงส์ SB 101 วิถีชาวพุทธ หน้า 71
หน้าที่ 71 / 226

สรุปเนื้อหา

เรื่องราวนี้พูดถึงนายปุณณะที่ไม่ปกปิดทรัพย์และกราบทูลพระราชาเกี่ยวกับทองคำ จากนั้นพระราชาได้ทราบเรื่อง และทรัพย์สินกลายเป็นทองคำต่อหน้าต่อตา รวมถึงบทบาทของการทำทานซึ่งส่งผลดีให้กับผู้ทำทาน แสดงให้เห็นว่าอานิสงส์จากการทำทานมีมากมาย ซึ่งรวมถึงการทำดีทั้ง 3 กาล และการให้ของบริสุทธิ์ การทำทานสามารถทำให้เกิดความสุขแก่ผู้ให้ และจะได้รับผลของบุญที่ทำโดยตรงตามสิ่งที่ตั้งจิตอธิษฐาน และคำสอนในกินททสูตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังบ่งบอกถึงความสำคัญของการทำทานด้วย

หัวข้อประเด็น

-นายปุณณะและเรื่องราวการทำทาน
-อานิสงส์ของการทำทาน
-บทบาทของผู้ให้และผู้รับ
-เศรษฐีพหุธนา
-การทำบุญในเขตสัมปทา 4

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เขาไม่อาจจะปกปิดทรัพย์ที่มากมายขนาดนั้นได้ จึงคิดว่าควรที่จะกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ ดีกว่า แล้วได้นำเอาทองคำจำนวนหนึ่งใส่ถาดไปเฝ้าพระราชา กราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ พระ ราชาส่งราชบุรุษไปขนทองคำที่ท้องนาของเขามา ฝ่ายราชบุรุษพอไปขนทองเป็นจำนวนมากมาไว้ที่พระลานหลวง พลางกล่าวว่า “ทองคำนี้เป็นของพระราชา” พอเทออกมา ทองคำก็กลายเป็นก้อนดินไป พระราชาทอดพระเนตรเห็น ดังนั้นรู้สึกประหลาดใจมาก จึงถามว่า “พวกเธอกล่าวว่าอย่างไรหรือ” พวกราชบุรุษกราบทูลว่า “พวกข้าพระองค์กล่าวว่า ได้ขนสมบัติของพระราชามา” พระราชาตรัสว่า “เธอกล่าวอย่างนั้นไม่ถูก เธอต้องคิดแล้วกล่าวเสียใหม่ว่า นี่เป็นสมบัติของนายปุณณะ ราชบุรุษทำตามที่พระราชารับสั่ง และแล้วสมบัตินั้นก็กลายเป็นทองคำในทันที พระราชารับสั่ง ให้เหล่าอำมาตย์ประชุมกัน แต่งตั้งและมอบตำแหน่งเศรษฐีให้แก่นายปุณณะและตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “พหุธนเศรษฐี” แปลว่า เศรษฐีผู้มีทรัพย์มาก จะเห็นได้ว่า นายปุณณะได้ทำบุญในเขตที่ครบทั้งสัมปทา 4 คือ มีผู้รับ ได้แก่พระสารีบุตร เป็น พระอรหันต์ เป็นทักขิไณยบุคคลผู้เลิศ ปัจจัยที่ถวายก็ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ แม้จะเป็นอาหารของ ชาวบ้านธรรมดา แต่เป็นของบริสุทธิ์ เจตนาของเขาดีทั้ง 3 กาล คือก่อนให้ก็ดีใจ กำลังให้ก็เลื่อมใส ให้แล้วก็เบิกบานยินดี และพระสารีบุตรเป็นคุณาติเรกสัมปทา คือเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ฉะนั้น ผลบุญนี้จึงมากมายมหาศาล ส่งผลให้ทันตาเห็นฉะนี้ 3.5.2 ผลของทานแต่ละประเภท ผลของการทำทานโดยทั่วไปแล้ว ย่อมทำให้ผู้ให้เกิดความอิ่มใจ มีความสุขสบายใจ แม้จะ ทำเพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็ให้อานิสงส์แก่ผู้ทำทานนั้นได้ ที่จะไม่ให้ผลนั้นเป็นไม่มี ไม่ว่าสิ่งของที่ต้องการจะ ทำทานนั้นเป็นอะไรก็ตาม ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ ยิ่งทำทานถูกเนื้อนาบุญด้วยแล้ว ยิ่งได้รับอานิสงส์มาก ดังนั้น เมื่อเราทำทาน จึงมักตั้งจิตอธิษฐานขอให้ผลบุญที่ได้จากการทำทานนั้น ส่งผลให้เราได้ใน สิ่งที่ปรารถนา ซึ่งนอกจากการอธิษฐานจิตกำกับแล้ว ทานบางอย่างก็ให้อานิสงส์โดยตัวของทานเอง ดังที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงอานิสงส์ของทานในกินททสูตร ดังนี้ กินททสูตร, สังยุตตนิกาย สคาถวรรค, มก. เล่ม 24 ข้อ 137-138 หน้า 239. 60 DOU ท ที่ 3 ก า ร ท า ท า น น ที่ ส บ ท ท สม บูรณ์ แ บ บ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More