ข้อความต้นฉบับในหน้า
ฆอชำนักงานเขตปากน้ำ 20 ปี (๒๕๓๙-๒๕๕๙)
๑.๒ นำเสนอวิเคราะห์เสนอเป็นอย่างอื่น
๑.๓ เหลือทิศเสนอไว้แต่ด้วยหน้าตาเดียว
๒ วิเสนุตตรบาม สมาชิ้นนี้เป็นวิเสนสะอยู่ข้างหลัง ประธานอยู่ข้างหน้า รูปวิเคราะห์ต้องประกอบวิเสนะ ไม่นิื่อคิวจะวัดดี เสมอกับประธานเท่านั้น และเมื่อมีพันคำศัพท์คำศัพท์คล้ายคลึงกันอยู่ก็ตรงกันให้แนว ศพทไหนเป็นคุณแนว คำศัพท์ไหนเป็นนามาน เช่น โนโรโร= นารโร่ นรประเสริฐ มนสุโล กลิ่นโก = มนสุพลิกโก มนุษย์ชิตตา เป็นอื่น
ข้อควรระวังเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น คำว่า “สุตโต วิเสนโล = สุตดิวโล สควร ควรแปล และสีงเกณฑ์คำแปลให้รู้ว่าคำว่า “สุต” เป็นอะไร และคำว่า “วิเสน” เป็นอะไร เมื่อตรงกันก็ว่า “สุต” เป็นนามนามาวิวเสน “วิเสน” เป็นคุณแนว และควรวินเกดต่อไปว่า คุณแนวกับนามานในที่นี้ มาใหม่อย่าขว้างหน้าหรืออย่างหลัง เมื่อเห็นได้ว่า “สุต” ซึ่งเป็นนามานามอยู่ข้างหน้า “วิเสน” ซึ่งเป็นคุณแนวอยู่ข้างหลัง แล้วก็จะเข้าใจได้ว่า เมื่อเว็สระอยู่ข้างหลัง บทประธานคือสมาชิ้นข้างหน้า สมาชิ้นในลักษณะนี้ เรียกว่า “วิเสนุครบ”
๓. วิเสนโปลบบท สมาชิ้นนี้ ทัง ๒ เป็นคุณคือวิเสน่า ไม่มีประกอบอยู่ในอนุภาคและบทปลดคือบทเสร็จสมาชิ้นตัวประธานเป็นนามอีกต่างหากตัวอย่าง เช่น อนุโอ จ อธิ จ อนุอธิ จ จะเห็นได้ว่า ในอุทธารณ์นั้น ทั้ง ๒ บทเป็นคุณแนว เหมือนกัน เพราะคำว่า “อนุธ” (บอค) “อธิ” (หมวก) ไม่ใช่นามานาม เป็นเพียงบทแสดงลักษณะการซึ่งตั้งอยู่ฐานเป็นคุณศัพท์ จะกำหนดให้เป็นนามนามาวิวเสนไม่ได้ และ อ. ว่า ขุนโช จ ขุนโช จ ขุนโช นี้ ก็เป็นวิเสนะแห่ง ๒ บาท เพราะคำว่า “ขุนรบ” (กระจก) “ขุนซะ” (ต่อม) ไม่ใช่นามนาม เวลานั้นต้องหาานามนามอีกพื่งคิดว่าจะนำเสนอมาเป็นประธานอีกด้วย คำว่า “กระจอก” และ “คงอม” เป็นคุณนามแสดงลักษณะอาการเท่านั้น เพราะสมาชิ้น ที่มี ๒ บาท ต่างเป็นคุณแนวด้วยกันทั้งนี้ ท่านจงเรียกว่า “วิเสนโปลบ” แปลว่า มีบททั้ง ๒ เป็นวิเสนะแนอจากนี้ ยิ่งมีข้อควรระวังในการสมาชิ้น คือ
๓.๑ อนุภา เป็นวิเสนะแห่ง ๒ บาท
๓.๒ ในเวลาตั้งวิเคราะห์ใช้จะคำว่า “ทั้ง” ควบกันไปกับอนุภาคนั้น ๆ
๓.๓ เวลาแปล ต้องหาอัญญูบยื่นมาเป็นประธาน