ข้อความต้นฉบับในหน้า
วิสาสะโบมบา สมานที่เป็นบเป็น ๒ คือ อุปมาพมหามะ มีทูมายุอยู่ข้างหน้า อุปมามตบรก มีทูมามาอยู่ข้างหลัง เป็นไปในสมานและสมานคุณ ในบทปลงแห่งวิริยะมีศัพท์เป็นคุณคือวิริยะและอยู่ด้วยในเทอ่งนั้นจัดเป็น สมานคุณ เช่น สมุจิ อิว ปญฺญา = สูงปญฺญา = สูงปญฺญ๎ ขาวเผื่อดังสิงห์ กว่า “ขาว” เป็นคุณนาม บอกลักษณะของทัพอันซึ่งปรากฎอยู่ในรูปประโยคดังนี้ และคำว่า “สมุจิ” นี้ บอกลักษณะอาการของสิ่งนั้นว่าหรืออย่าง เช่นในตัวอย่างว่า “เนิร” น้ำ ต้องแปลว่า “น้ำมาเทียมดังสิงห์” ถ้าในบทปลงแห่งวิริยะเท่านั้นว่ามีบทอญฺญีว่าดังนี้ บางบทอาจเป็นสมานอื่นได้อีก เช่น คำว่า “กาหลูโร” ถ้าแปลว่า “กาหลัว” คำว่า “สุข” เป็นที่เสมอของ “ทาก” จัดเป็นวิสิสนุภุร๎ก แต่ถ้าแปลว่า “กลัว” ก็ถือว่าใช้ “สุข” เป็นคุณของนามมากนามหนึ่ง เช่น ใน หรือ สีที ที่ความกลัวยิ่งกว่ากว่า จัดเป็น ปัญญมิตปุรส ถ้าเป็นคุณของประเทศก็ดหมายความว่า “ประเทศมีกลัว” ก็จัดเป็นสัตว์ มีพุทธพี แม้ขื่น ๆ ก็เปรียบเคียงกับสมานอันโดยฉะนั้นกล่าวมานี้ สํานวนพุทธน บทหน้าเวลาวิเคราะห์เป็นประกอบด้วย “อิติ” (วา) ก็มี บทหลังเป็นประธาน เวลาขึ้นสมานแล้ว อิติศัพท์ว่าทำสมเสีย ยังงดเหลือแต่ ๒ บท ซึ่งอาจเข้าไปในความเป็นสมานอย่าง เช่น ตั้งปุระสะรอวันทวาได้ แต่มีข้อควรสังเกตอยู่ว่า จะได้รูปอิตเข้าได้ เช่นคำว่า “สมมติ วจนะ มาโน ลุโภ” เป็นดังอิตัน อนจะเชื่ออิตศัพท์เข้าได้สนิท ดังว่าไทยว่า สมมติว่า ... คำว่า ... ความสำคัญว่า... ความว่า... เป็นดัง เมื่อเห็นบทหลังในสมานนี้นั่นแล้วจึงพิจารณาบบทหน้าเข้ากันก็ว่ามีว่า อิติ้นไว้หรือไม่ ถ้าเห็นว่าเข้ากันได้แล้ว พึงเข้าใจเด็ดว่าบสนบทนี้ เป็น สํานวนพุทธนบัดดังอย่างที่ท่านแสดงไว้ว่า ขงฺคิโย (อน) อิติ มานา = ขุดึยมโน มานะว่า (เราปิย) กะระยี, สุตโต อิตติ สงฺฆา = สงฺคุสมญา ความสำคัญว่า, สมโม (อา) อิติ ปฏิปฺปา = สมฺปฏฺปุณฺญา ปฏิญฺญา