สะสมธิ: การต่อสะนันและความหมาย วิชาบาลีไวยากรณ์ เล่ม 3 หน้า 239
หน้าที่ 239 / 278

สรุปเนื้อหา

สะสมธิ คือ การต่อสะนันในภาษาไทย โดยมีการอธิบายเกี่ยวกับการสร้างคำ เช่น โลโกและสะหน้า การบรรลุสะหน้า และการจัดการกับรูปไม่เสมอกัน การบรรลุสะหน่าเป็นวิธีการสำคัญที่ใช้ในการสร้างและจัดรูปแบบของคำ เช่น การลบสะหน้าและการทำคำใหม่จากส่วนที่มีอยู่ รวมไปถึงการทำให้คำที่มีลักษณะไม่เสมอกัน สามารถกลายเป็นคำใหม่ได้ โดยวิธีการและขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่มีปัญญาอื่นคั่นในระหว่างการรวมคำ โดยทั้งหมดนี้ ถ่ายทอดหลักการของสะสมธิปโบรก์ ทั้ง ๗ อย่างตามลำดับ

หัวข้อประเด็น

-หลักการสะสมธิ
-ตัวอย่างโลโก
-การบรรลุสะหน้า
-การลดสะหน้า
-การสร้างคำใหม่

ข้อความต้นฉบับในหน้า

คำอ่านในภาพ: ๑. สะสมธิ สะสมธิ คือ การต่อสะนัน หมายถึง การต่อสะเริ่มต้น ต่อสะเนื่องปลายต่อสะที่รูปเสมอกันและมีรูปไม่เสมอกันให้เป็นบรรเดิยกัน และในสะสมธินี้ได้แนวธิรโบกกรณี ๗ อย่าง คือ โลโก : ลบ.๑ อาโก : แปลง ๑ อาโก : ลงอักษรตัวใหม่ วิกาโร : ทำให้้นจากของเดิม ปกติ : ปกติ ๑ ก็โถ : ทำให้อยาว ๑ รสธี : ทำให้ชั้น ๑ ขาดแต่ สมโภโก องค์เดี๋ยว ๒ ทั้งใบ เพราะสะสมธิจะสู้อยกกันไม่ได้ ต่อไปจะเขียนสะสมธิ ตามหลักของสะสมธิปโบรก์ ทั้ง ๗ ตามลำดับ ดังนี้ ๑. โลโก (โลปรสะสมธิ) มี ๒ อย่าง คือ บุพพลโลโล ยมสะหน่า ๑ อุทธรโลโลปลสะระลิง ๑ สะที่ศของชื่อที่หน้าเรียกว่า “สะหน่า” สะหน้านอกจากคำที่ลง เรียก “สะเนื่องปลายหรือสะหลัง” เช่น คำว่า “ยุศุ + อินุริยา” ๒ คำนี้ ยุศุ เป็นชื่อที่หน้า อินุริยา น เป็นคำหลัง สะที่สุดของ ยุศุ อัน เป็นคำหน้าที่คือ อะ และ อะ จึงเป็นสะหน่า สะหน้านอกจาก อินุริยา อันเป็นคำหน้าที่คือ อี จึงเป็นสะหลัง เวลาจะต่อเข้า กัน นบ อะ ที่ สะ แห่ง ยุศุ เสียบ แล้ส เอาไปต่อกับสะหลังจึงเป็น ยุศุนทรียานิ ซนใน คัน ทั้งสะหน่าและสะหลังนี้ ต้องไม่มีปัญญาอื่นคั่นในระหว่างจะสมได้ ถ้ามีปัญญานั้นอันอาจไม่ได้ การบรรลุสะหน่า มีวิธีการ ดังนี้ ๑.๑ สะหน้าเป็นรสะ สะเนื่องปลายของน้ํายบญยะหรือ เป็นทีละ เมื่อบรรลุสะนาแล้ว ไม่ต้องทำอย่างอื่น เป็นแต่ต่อเข้ากับสะเนื่องปลายที่เดียว เช่น ยุศุ+อินุริยานิ ลบสะหน้า คือ อะ ที่สุดแห่งคำที่ ยุศุ เสียบ สะเป็น ยุศุนันริยานิ โหน่+เอด้ ลบสะหน้า คือ อี ที่สุดแห่งคำที่ โหน่ เสียบ สะเป็น โหน่แต่, สมฤฎ+อายสุมา ลบสะหน้า คือ อุ ที่สุดแห่งคำที่ สมฤฎ เสียบ สะเป็น สสมตายูมา เป็นคำ ๑.๒ ถ้าสะทั้น ๒ เป็นรสะแต่ แต่มิรูปไม่เสมอกัน คือ ข้างหนึ่งเป็น อ ข้างหนึ่งเป็น อิ หรือ อิ ก็ ข้างหนึ่งเป็น อุ หรือ อิ ก็ ข้างหนึ่งเป็น อุ ข้างหนึ่งเป็น อ หรือ อิ ก็ เมื่อบรรลุสะเนื่องแล้วไม่ต้องทําอะไร เช่น จูฑิ+อปายเดเป็น อจูปายเด เป็นคำ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More