ข้อความต้นฉบับในหน้า
กรมสำนักเรียนจังหวัดมหาสารคาม
๒. ทิกสุภาพันธ์
ชาวที่มีเชื้อชาติเยี่ยงว่า "ทิก" และเมื่อโดยอรรถแล้วสมนี้ ก็ คือ กับสมาคมประกอบคำนี้พบกันนอกจากคืบว่าอยู่หน้าประธานอยู่หลัง ต่างแต่งให้เรียกต่างกันออกไปว่า "ทิก" นั้น เพราะนิยมบันทัดเฉพาะแต่ปกติสรวยอย่างเดียวและชยานั้นก็ใช้แต่เฉยเฉยเท่านั้น คือ ตั้งแต่ "เอก (๑)" ถึง "อุณวดี (๑๔)" ถ้าสมานกับตั้งยานาม ต้องเป็นอักษรประมารประเภทวิเศษบุพพบท ทิกุมาสนี้แย่งออกเป็น ๒ อย่าง คือ
๑. สมานยาติดูได้แก่ ทิกุมาสที่ท่านรวมความของคำที่มีเนื้อความเป็นพุทธนะ ให้ออกเป็นเอกวาจา นุบลลิงค์ กล่าวคือให้ใช้ตามแต่ "ทิก" (๒) ถึง "อุณวดี (๑๔)" เป็นบทหน้าของบทนามเมื่อสำเร็จรูปแล้ว คงเป็นเอกว่านะนุบลลิงค์อย่างเดียว
อ. เตียว โลก = ดีโลคี โลกสาม ฯ
ข้อสังเกต บทว่า "โลกา" เดิมเป็นพุทธนะ "ติยา" ก็เป็นพุทธวรรณะเหมือนกัน เมื่อเข้าอาศัยกันแล้ว "ดีนา" ครูเป็น "ติ" ตามเดิม คือ เป็นเหมือนเมื่อครัง ไม่ได้แยกว่ากีด "โลก" ลักษณะตามปกติเป็น"บุ" แต่เมื่อเข้าสมาคมกับสังยักษ์ ซึ่งอยู่ข้างหน้าแล้ว โลกศัพท์ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็น "บ". เอกว่านะ ตามกฎของสมาหารทิกุ ถึงแม้เข้ากับ สังยักษ์อื่น ๆ ก็จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน เช่น อุตฺสโล ที๑ = อุตฺตุที๑ (ซ่อน ๆ ตามแบบ สนิธิ), ปลูก อินทุริยาน = ปลูกอินทุริย (เข้าอันดับอีกชั้นหนึ่ง)
๒. อสมาหาศบูติ ได้แก่ ทิกุมาสที่ท่านไม่ให้ว่ามาเหมือนอย่างสมาราวกิฏิ ก็อาจไว้ตามเดิมนามศัพท์จะต้องมาอย่างใด มีสิ่งต่อไว้บ้างนั้น เป็นแต่สมบัติที่ยังบลื่นเท่ากันหรือจะคงไว้จงอย่างสุดสมาก็ได้ ด้วยอย่างเช่น
อ. เอก ปุกโล = เอกปุกโล อ. บุคลผูเดียว ฯ
ข้อสังเกต ตามหลักข้อหนึ่งเป็นแต่เอา "เอก คัพท์" ต่อกับ "ปุกโล" และสมบัติที่ อกศัพท์เสียเท่านั้น คำศัพท์ว่า "ปุกโล" จึงขึ้นและจะได้ตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง