ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไม่ประมาทในธรรม ๑๙๙
มิได้ขาด จะพอะไรก็มีสติละลึกได้เสมอว่า สิ่งที่กำลังจะทำนั้นเป็นบุญเป็นกุศลหรือไม่ ถ้าเป็นกุศลจึงทำ
๓. มีสติละลึกถึงความทุกข์ในอบายภูมิอยู่เนื่องๆ มีได้ขาด มีสติระลึกได้เสมอว่า การเกิดในอบายภูมิ เป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดือร้อน ฉนั้นทั้งมนุษย์และสัตว์ก็เพราะได้เมื่อระลึกได้เช่นนั้นแลก็ไม่ยอทำชั่วเลย เพราะเกรงว่าจะต้องไปเกิดในอบายภูมิเช่นนั้น
๔. มีสติละลึกถึงความทุกข์ อันเกิดจากการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ในวัฏสงสารอยู่เนื่องๆ มีได้ขาด มีสติละลึกได้ว่าว่าเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ย่างนี้ ก็ต้องมีการเกิดแก่เจ็บตาย เป็นทุกข์รำไป จึงหาโอกาสปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เพื่อให้บั้นปลายภพไปได้เร็วที่สุดจะได้หมดทุกข์เมื่อระลึกเน้นนี้บ่อยๆ ยอมไม่ลงในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความหลง ไม่กัดเกลือในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคืองได้ในที่สุด
๕. มีสติละลึกถึงกรรมฐานภาวนาที่จะละรถา โทสะ โนะ ให้ขาดจากสันดานอยู่นิ่งๆ มีได้ขาด มีสติละลึกว่า การที่เราจะทำดีหรือทำชั่วนั้น ขึ้นอยู่กับใจของเราเป็นสำคัญ ว่าใจของเราจะเพิ่มพลังแรง เอาชนะความทะยานอยากต่างๆ ได้หรือไม่ และวิธีที่จะฝึกใจได้ดีที่สุดคือ การฝึกทำสมาธิ จงหาวลาเวลาทำสมาธิความอย่างสมำเสมอ
สิ่งที่ไม่ควรประมาณอย่างยิ่ง
๗. ไม่ประมาณในเวลา มีสติเตือนตนเสมอว่า “วันคืนล่วงไป” บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่” อย่ามัวมาทำในสิ่งไร้สาระ เช่น เล่นไพ่ คุยโม้ ดูแฟชั่น ให้รุ่งเรืองทำงานให้เต็มที่แข่งกับเวลา เพราะเวลามีน้อย เมื่อสิ้นกันชีวิตไปแล้วก็เรียกกลับคืนไม่ได้