ข้อความต้นฉบับในหน้า
มีความสุขยิ่ง ๒๑๓
ข อ เ ต็ อ น ใ จ
คนจำนวนมากเข้าใจสันโดษผิด คิดว่าสันโดษคือการไม่ทำอะไร หรือการพอใจอยู่คนเดียว แต่ความจริง
การไม่ทำอะไรนั้น ภาษาบาลีเรียกว่า โกส๊ะยะ คือเกียจคร้าน ไม่เรียกว่าสันโดษ
การพอใจอยู่คนเดียวนี้ ภาษาบาลีเรียกว่า ปริวิตตะ ไม่เรียกว่าสันโดษ
คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเรื่องสันโดษนั้น ไม่ได้สอนให้คนเกียจคร้าน ท้อถอย ไม่ทำงาน หรือทำงานเรื่อยๆ เฉื่อยและ เป็นภัยต่อความเจริญความก้าวหน้าอย่างที่เข้าใจนั่นเอง นักปฏิบัติธรรมควรเข้าใจให้ดีว่า ถ้าจะให้จิตใจแข็งแกร่ง มั่นคง ต้องดูแลจิตใจของตนเอง สำนึกในฐานะ ความสามารถ และความมีคุณธรรมของตนอยู่เสมอแล้ว ความมีสันโดษจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ จะทำให้ทุกคนพอใจในของตน พอใจในของที่ตนได้มา และพอใจในของที่สมควรแก่ตน จะไม่มีการเบียดเบียน แก่งแย่งชิงดี จิลจจริงยากให้รายป้ายสี ฉ้อโกงกัน ฯลฯ
การแย่งชิงดีนั้นถึงทำลายกัน ได้รายป้ายสี ฉ้อโกงกัน การทรงดีและมิจฉาทิฏฐิพงษ์ ๆ ที่ระบาดในสังคมทุกวันนี้นี้เพราะใจของคนหลานนี้ไม่มีสันโดษ มุ่งจะเอาแต่ได้ไม่คำนึงถึงผิดชอบชั่วดี ความเห็นแก่ตัวของผู้อำนาจ การถกเถียงฉกฉวยโอกาสของพ่อค้า นักธุรกิจ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นมาก ความรำคาญใจเพราะโลภได้เท่าไรก็ไม่รู้จักพอ จนกลายเป็นมนุษย์ในวัฏฏู ทะเยอทะยานจนเกินกว่าจะควบคุมความสามารถของตน ได้มาโดยสุดวิสัยไม่ทันใจ ก็ลงมือประกอบการทุจริตต่างๆ เพื่อสนองความอยากอันผลานจิตใจอยู่ ดำเนินชีวิตไปอย่างไร้เหตุผล ก็เพราะขาดสันโดษนั่นเอง
การพัฒนาสังคมจำเป็นต้องมีทั้งสันโดษและความเพียร เพราะ