ข้อความต้นฉบับในหน้า
เห็นสมญะ ๒๕๖
ทำ ไมจึงต้องเห็นสมญะ ?
ความสุขทั้งหลายในโลกนี้มีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. ความสุขที่ต้องอิงวัดถามหรือถามสุข เป็นความสุขทางเนื้อหนัง เช่น ได้เห็นรูปสวย ๆ ได้ฟังเพลงเพราะ ๆ ได้กลิ่นหอม ๆ ได้กินอาหารอร่อย ๆ ได้สัมผัสที่นวล ๆ ฯลฯ เป็นความสุขภายนอกที่เห็นกันได้ง่าย
2. ความสุขที่ไม่ต้องอิงวัด เป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากการเจริญภาวนาให้จงสงบและเกิดปัญญา เป็นความสุขของผู้เข้าถึงธรรม จัดเป็นความสุขภายใน เมื่เทียบกันแล้ว ความสุขภายในนี้อ่อนกว่าความสุขนั่นเป็นสุขที่เล็กกว่ายเทียบไม่ได้ แต่เห็นและเข้าใจได้ยากกว่า
ความสุขภายในนั้น เป็นสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้ เพราะราคาคะแนนไม่ได้ เป็นเรื่องเฉพาะตัว ผู้ที่ยังไม่ปฏิบัติธรรม ยังไม่เคยพบกับความสุขชนิดนี้ ก็จะไม่คุ้น แต่ถ้าผู้นั้นปฏิบัติก็จะเข้าใจ เช่น พระท่านบอกผู้ที่รักษาศีลแล้วจะมีจิตที่รื่นรมณ์แจ่มใส ถ้ายังไม่เคยปฏิบัติธรรมจะนึกค้านทันทีว่าคำบรรษาศีลจะง่ายได้อย่างไร จะทำอะไรดีละไม่ต้องคอยระวังจะผิดศีล สูญไม่มีศีลไม่ได้ จะดื่มเหล้าก็ดี จะเที่ยวก็เทียวได้ เห็นพวกขี้มาร้องร่ำทำเพลง เชียร์มวยแทงมวยส่งเสียงกัน็งง ยิ่งรำราญสนุกสนานกว่าตั้งเยอะ แล้วมาบอกว่ารักษาศีลแล้วจิตจะร่าเริงแจ่มใส อยากหลอกกันให้ยากเลย เราไม่ยอมเชื่หรอก
ต่อเมื่อได้พบคนที่เข้าถึงความสุขชนิดนี้ได้ เห็นคนที่รักษาศีลมาแล้วอย่างดีเยี่ยม หน้าเท่านั้นก็ผ่องใส ไม่มีงั้นก็พูดจากใจ เพราะ ถึงได้เชื่อว่าเอาจริง คนที่รักษาศีลมาแล้วอย่างดี เขาเร่ง แต่เร่งอีกอย่าง ไม่เหมือนที่เราเคยเห็น ไม่เหมือนที่เราเคยรู้จัก ถึงแม้จะไม่ปักใจเชื่อเลยก็ดีที่จะทดลองทำตาม แม้ได้ทำตามอย่างน้อยก็ถุกคิดถึงการทำความดีบางอย่างขึ้นมาได้