ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓๙ มงคลที่ ๑๓๓
๖. สัมมาวายามะ มีความเพียรชอบ คือเพียรป้องกันบาปอบศรีย์ง ไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อระงาบบาปฤกษ์ง เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป เพื่อสร้างกุศล คุณความดีที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น และเพื่อบำรงคุณความดีที่เกิดขึ้นแล้วให้ เจริญงอกงามยิ่งขึ้น
๗. สัมมาสติ มีความระลึกรู้ดี เป็นปล่อยใจให้พึงซ่าน มีสติตัว ระลึกได้ หม่นตามเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมอยู่ เสมอ
๘. สัมมาสมาธิ มีใจตั้งมั่นชอบ คือมีใจตั้งมั่นหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลาง กาย ตามเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม จนบรรลุ มานั้นต่างๆ ไปตามลำดับ จากสมาธิที่เป็นระดับโล่กะะไปสู่สมาธิที่เป็นระดับ โลผุดตะ
มรรคทั้ง ๘ ข้อ นี้ ถ่ายออกไปแล้ว ก็จะได้แก่คำสอนในพระพุทธ ศาสนทั้งหมด ๔๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ถ้าย่อเขาก็จะได้แก่ไตรสิกขา หัวใจพระ พุทธศาสนา ดังนี้
ศีล แยกออกเป็น สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาปิฐวะ สัมมาภ ใวะสมาธิ แยกออกเป็น สัมมาวายามะ สัมมาสติติ สัมมาสมาธิ ปัญญา แยกออกเป็น สัมมาปัญญี สัมมาสังวัปปะ
มรรคทั้ง ๘ ข้อนี้ ให้ปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะเป็นไปได้ฉะใจ หยุดนิ่งเป็นสมาธิ ทำให้เห็นอริยสัจได้อย่างชัดเจนและพ้นทุกข์ได้ เป็นเรื่อง ของการฝึกจิตตามวิธีของเหตุผล ไม่ต้องไปรอองค์พระเจ้า หรือใครๆ
“ทุกนิรีธารามีเป็นปฏิปทา อธิษฐู่อภิภู ภาวตพุทธิ อธิษจัง คืปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์ อันเราพึงบำเพ็ญ”
ส. ม. ๑/๑๒๓/๓๐