ประเภทของกรรมในพระพุทธศาสนา GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 34
หน้าที่ 34 / 214

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับประเภทของกรรมในพระพุทธศาสนา แบ่งเป็นกรรมขาวและกรรมดำตามผลกระทบต่อจิตใจของมนุษย์ ขยายความในสามวาระของการให้ผลกรรม ได้แก่ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม, อุปปัชชเวทนียกรรม และ อปรปริยายเวทนียกรรม ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงกลไกแห่งกรรมและการเวียนเกิดเวียนตายในภพ 3 ผู้ที่ละบุญละบาปจะถึงฝั่งพระนิพพาน ความสำคัญของการทำกรรมดีเพื่อทำให้จิตใจสะอาด และการหลุดพ้นจากกรรมที่เป็นบาป.

หัวข้อประเด็น

-ประเภทของกรรม
-กรรมขาวและกรรมดำ
-ผลของกรรมในอัตภาพปัจจุบัน
-การเวียนเกิดของชีวิต

ข้อความต้นฉบับในหน้า

กรรมขาวปะปนกัน ได้แก่ มนุษย์ เทวดาบางพวก วินิบาตบางพวก เช่นสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น 4) กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม หมายถึง พระอรหันต์คือ ผู้ที่ละเจตนาเครื่องปรุงแต่งให้เกิดกุศลกรรมและอกุศลกรรม ละบุญบาปเสียได้จึงทำให้ท่านหลุดพ้นเข้าสู่ พระนิพพาน ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบลักษณะของกรรมกับลักษณะของจิต ทำกรรมดีจิตก็ผ่องใส กรรมนั้นจึง เปรียบเป็นกรรมขาวคือทำให้จิตขาวสะอาด ส่วนทำกรรมชั่วจิตก็เศร้าหมอง กรรมนั้นจึงเปรียบเป็นกรรม ดำคือทำให้จิตมืดดำ ทำกรรมดำเกิดบาปอกุศลละโลกไปนรก ทำกรรมขาวเกิดบุญกุศลละโลกไปสวรรค์ ทำทั้งกรรมขาวและกรรมดำเกิดทั้งบุญทั้งบาป ละโลกแล้วไปเกิดเป็นมนุษย์บ้าง เทวดาบ้าง สัตว์ดิรัจฉาน บ้าง ส่วนผู้ที่ละบุญละบาปคือผู้ถึงฝั่งพระนิพพาน ไม่ต้องกลับมาเวียนตายเวียนเกิดในภพ 3 อีก 1.2.9 ประเภทของกรรมโดยสังเขป โครงสร้างภาพรวมเรื่องกรรม มีความเป็นมาหลายยุคหลายสมัย เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยม อย่างแพร่หลาย ซึ่งจุดกำเนิดอย่างจริงจังและระยะเวลาการสืบทอดดำรงคำสอนสืบต่อกันมาทางฝ่าย พระพุทธศาสนานั้น แบ่งออกเป็น 2 ยุค คือ ยุคสมัยพุทธกาล นับจากวันตรัสรู้ธรรม ทรงค้นพบเรื่องราวความเป็นจริงของทุกชีวิตว่า เว้น จากพระพุทธองค์แล้วทุกหมู่สัตว์ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม และเพราะอาศัยพระมหากรุณาธิคุณที่ ทรงสั่งสอนหมู่สัตว์ให้รู้แจ้ง จึงเป็นจุดกำเนิดความรู้เรื่องกรรมอย่างจริงจัง ซึ่งจากการศึกษาเรื่องราวที่ ปรากฏในพระไตรปิฎก พบว่าทรงจำแนกกรรมออกมาในลักษณะการให้ผลของกรรมตามกาล เพราะ ประสงค์ให้เห็นว่าการให้ผลของกรรมนั้นยาวนาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 วาระ คือ วาระที่ 1 ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม วาระการให้ผลกรรมในอัตภาพปัจจุบัน คือ อัตภาพในชาตินี้ เช่น มนุษย์ เทวดา สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย เป็นต้น กรรมจะให้ผลในอัตภาพปัจจุบันทันทีหลังจาก ที่ทำ เช่น อาชญากรทั้งหลายที่ถูกจับตาย หรือผึ้งหลังจากต่อยแล้วตัวเองก็ตายทันทีเหมือนกัน ฉะนั้น เมื่อทำกรรมแล้ว ผลของกรรมจะเริ่มนับหนึ่งที่ปัจจุบันชาติแล้วก็ส่งผลต่อๆ ไป วาระที่ 2 อุปปัชชเวทนียกรรม วาระการให้ผลกรรมในอัตภาพหน้า คือ อัตภาพใหม่หลังจาก ละโลก เช่น อัตภาพปัจจุบันเป็นมนุษย์ เมื่อละโลกไปบังเกิดเป็นเทวดา อัตภาพเทวดาคืออัตภาพใหม่ วาระที่ 3 อปรปริยายเวทนียกรรม วาระการให้ผลกรรมในอัตภาพต่อๆ ไป คือ อัตภาพใหม่ที่ เวียนเกิดเวียนตายต่อๆ ไป จนกว่าจะหมดสิ้นกิเลสจึงถือว่ายุติการให้ผลของกรรม เช่น เมื่อจุติจากเป็น อลคัททูปมสูตร, มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์, มก. เล่ม 18 ข้อ 280 หน้า 287 24 DOU กฎ แ ห่ ง ก ร ร ม
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More