ข้อความต้นฉบับในหน้า
บอกที่ซ่อนสมบัติ สุภมาณพได้ฟังดังนั้น ก็เกิดความดีใจว่า ถ้าพิสูจน์แล้วไม่เป็นความจริง จะโพนทะนาให้
ทั่วเมืองว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดโกหก แต่ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา เราก็จะได้ทรัพย์ ไม่ได้ขาดทุนตรงไหน
เมื่อถึงบ้านก็ทำตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกประการ คือ ให้ลูกสุนัขกินข้าวมธุปายาสมี
น้ำน้อย อิ่มแล้วให้นอน พอนอนแล้วไปกระซิบที่หูถามว่า ทรัพย์ที่ฝังไว้อยู่ที่ไหน สุนัขนั้นพอถูกถามก็รู้ทันที
ว่า ลูกชายรู้ว่าตนเป็นพ่อ ก็หอนขึ้นแล้ววิ่งไปที่ฝังทรัพย์ เอาเท้าหน้าทั้งสองตะกุยไปที่ฝังทรัพย์ สุภมาณพ
เห็นดังนั้น จึงให้คนขุดลงไปบริเวณนั้น พบของมีค่าเป็นจำนวนมาก ก็อุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ นึกถึง
พระพุทธองค์ว่าเป็นบุคคลผู้ไม่ธรรมดา ต้องเป็นผู้ตรัสรู้อย่างแน่นอน สุภมาณพไม่รอช้า รีบไปเฝ้า
ถึงที่ประทับ ยกมือไหว้ด้วยความเคารพต่างจากครั้งแรกที่พบพระพุทธองค์ แล้วทูลถามปัญหาเรื่องทำไม
คนเราเกิดมาแตกต่างกัน พระพุทธองค์ทรงตอบปัญหานั้นอย่างชัดแจ้ง ดังนี้
“ดูก่อนมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาท
แห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็น
ที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้”
จากพุทธพจน์นี้ สามารถสรุปได้ว่า สิ่งที่ทำให้สัตวโลกทั้งหลายมีความแตกต่างกัน คือ กรรมที่แต่ละ
บุคคลได้กระทำไว้ และในพุทธพจน์นี้ยังมีถ้อยคำที่มีนัยสำคัญที่น่าสนใจอยู่หลายคำซึ่งจะขอนำมาขยาย
ความเพิ่มเติม เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจยิ่งขึ้นดังนี้
เป็นทายาทแห่งกรรม หมายความว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นเจ้าของกรรม สิ่งของอย่างอื่น เช่น เงิน
ทอง ทรัพย์สมบัติภายนอก เราเพียงอาศัยใช้ชั่วคราว เมื่อตายแล้ว ทรัพย์นั้นหาได้ติดตัวไปด้วยไม่ มีแต่
กรรมดีกรรมชั่วเท่านั้นที่จะติดอยู่ในจิตหรือวิญญาณ ตามไปทุกหนทุกแห่งทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าจะไปเกิด
เป็นอะไรก็ตาม สมบัติของเราคือกรรมดีกรรมชั่วที่เราเป็นผู้กระทำ หาใช่ทรัพย์สมบัติภายนอกไม่
มรดกทรัพย์สินเงินทองที่พ่อแม่ญาติพี่น้องมอบให้เป็นของที่ไม่แน่นอน แต่กรรมที่เราได้กระทำไว้
เราจะต้องได้รับอย่างแน่นอน จะมอบให้คนอื่นไม่ได้ เช่น คนที่ประสบอุบัติเหตุ บาดเจ็บสาหัส นอนทุกข์
ทรมานอยู่บนเตียง ญาติพี่น้องมาเยี่ยมก็ได้เพียงแต่นั่งดู ไม่สามารถแบ่งเบาความเจ็บปวดนั้นได้
มีกรรมเป็นกำเนิด หมายความว่า คนเราเกิดมาเพราะยังมีกรรมอยู่ คือ ยังมีกิเลส มีกรรมและมี
วิบากกรรมอยู่กรรมที่เราทำไว้ที่ติดอยู่ในจิตจะเป็นตัวกำหนดให้ไปเกิดในที่ต่างๆ ตามความเหมาะสมแก่กรรม
วิญญาณย่อมปฏิสนธิในที่ที่เหมาะสมแก่กรรมของตน คนไม่มีกรรมแล้วเช่นพระอรหันต์ย่อมไม่เกิดอีก บิดา
มารดาเป็นเพียงที่อาศัยเกิดของบุคคลผู้ยังมีกรรมอยู่ บางคนก็เคยเป็นบิดามารดากันมาหลายชาติแล้ว
บางคนอุปนิสัยไม่เหมือนบิดามารดา อุปนิสัยของคนแสดงถึงผลรวมแห่งกรรมของตนที่เคยสั่งสมไว้ ใน
รายที่ลูกมีอุปนิสัยคล้ายคลึงบิดามารดาแสดงว่าเขาได้เคยอบรมสั่งสมกรรมที่ใกล้เคียงกับบิดามารดามา
บิดามารดาที่ดีชื่อว่าเป็นผู้มีบุญคุณต่อบุตรธิดาอย่างจะนับจะประมาณมิได้ เพราะได้ทุ่มเทความ
รักความปรารถนาดี และความเสียสละให้แก่ลูกอย่างที่ยากจะหาใครเสมอเหมือนได้ แต่บิดามารดาก็ไม่
40 DOU กฎ แ ห่ ง ก ร ร ม