ข้อความต้นฉบับในหน้า
6.1.2 ทรรศนะเรื่องการล้างบาปในศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่อยู่ในระดับต้นที่มีผู้นับถือมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกเป็นศาสนาประเภท
เทวนิยม (Monotheism) มีความเชื่อเรื่องการนับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ ยะโฮวาห์ (Jehovah) เป็น
ผู้ทรงสร้างโลก สร้างมนุษย์ และสรรพสิ่งในสากลจักรวาล เป็นผู้ประทานข้อบัญญัติแก่มนุษย์ โดยผ่าน
ทางศาสดาพยากรณ์ (Prophets) และศาสนทูตต่างๆ ในแต่ละยุค แต่ละสมัย เรื่อยมาตั้งแต่โมเสสจนถึง
พระเยซู
เรื่องการล้างบาปในศาสนาคริสต์นั้น สืบเนื่องมาจากคำสอนของศาสนาที่สอนให้คนมีความเชื่อ
และศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแรงกล้า และมีความเชื่อเรื่องการไถ่บาป และล้างบาป เพราะเหตุที่พระเจ้า
เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้และมีพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้าที่ลงมารับโทษทัณฑ์เพื่อไถ่บาปแทนมนุษย์
เนื่องจากมนุษย์เกิดมาพร้อมกับบาปที่ติดมาจากอาดัมกับอีวา จึงจำเป็นต้องมีการล้างบาปเกิดขึ้น
ศาสนาคริสต์มีพิธีกรรมที่สำคัญ ที่เรียกว่า พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ 5 ประการ แต่ในที่นี้จะนำเสนอ
เฉพาะศีลที่เกี่ยวข้องและมีเนื้อหาในเรื่องการล้างบาปเท่านั้น
พิธีรับศีลล้างบาป หรือศีลจุ่ม (Baptism) คือ พิธีกรรมที่ทำเมื่อตอนเป็นทารก หรือเมื่อเข้า
เป็นคริสตศาสนิกชน พิธีนี้กระทำตามแบบของพระเยซูเมื่อครั้งก่อนที่จะออกเทศนา เพราะเชื่อว่ามนุษย์
เกิดมามีบาปติดตัวมาทุกคน ติดบาปมาจากมนุษย์คู่แรกของโลก จึงต้องทำพิธีชำระล้างบาปที่ติดมาแต่กำเนิด
กระทำเพียงครั้งเดียวเมื่อเข้าเป็นคริสตศาสนิกชน ในนิกายคาทอลิกปัจจุบัน ไม่จุ่มตัวในน้ำ แต่ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์
เทบนศีรษะเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการล้างบาป ศีลนี้สำคัญที่สุด ผู้ใดไม่ได้รับศีลล้างบาป จะไม่ได้ชีวิต
นิรันดร นอกจากนี้ในศาสนาคริสต์ยังมีความเชื่อว่า คริสตศาสนิกชนที่ทำผิดพระบัญญัติหรือผิด
พระประสงค์ของพระเจ้าถือว่าเป็นบาป จะต้องประกอบพิธีศีลแก้บาป เพื่อจะได้รับการอภัยบาปจาก
พระเจ้าและเพื่อความบริสุทธิ์ของตนเอง
พิธีศีลแก้บาป (Penance) คือ พิธีสารภาพบาป หรือล้างบาปด้วยวิธีสารภาพบาปที่ตนทำไว้แก่
บาทหลวง โดยสารภาพว่าตนได้ทำผิดอะไรบ้าง และสัญญาว่าจะไม่ทำผิดอีกต่อไป ในนิกายคาทอลิก
สำหรับผู้ที่กระทำบาป ประสงค์จะได้รับการอภัยบาป ต้องไปสารภาพบาปนั้นต่อนักบวชด้วยความสำนึก
ผิดอย่างแท้จริง เพราะถือว่านักบวชได้รับอำนาจในการยกบาปโดยตรงจากพระสันตปาปา ซึ่งเป็นผู้แทน
ของพระเยซูคริสต์ นักบวชจะอำนวยพรยกบาป ตลอดจนตักเตือนสั่งสอนมิให้ทำบาปอีก และจะกำหนด
กิจศาสนาให้กระทำเพื่อใช้โทษ แต่หากผู้ใดสารภาพด้วยความไม่จริงใจหรืออำพรางบาป ถือว่าเป็นบาป
อย่างหนัก
พิธีกรรมเริ่มด้วยคำอธิบายว่า บาปกรรมใดๆ ที่กระทำไว้จะปลดเปลื้องออกไปด้วยการสารภาพ
ต่อผู้อื่น ผู้ที่จะเข้ารับคำสารภาพ จะต้องตั้งอยู่ในความเมตตากรุณายอมรับความผิดที่คนอื่นมาสารภาพแก่ตน
แล้วยกความผิดนั้นให้ เช่นเดียวกับการตัดสินคดีในศาลหลวง ถ้าจำเลยผู้มีความผิดได้สารภาพผิด ศาลจะ
124 DOU ก ฎ แ ห่ ง ก ร ร ม