ข้อความต้นฉบับในหน้า
3.3.2 ลักษณะของอุปปีฬกกรรม
จากความหมายข้างต้นจะเห็นว่า อุปปีฬกกรรมจะคอยตัดรอนผลของกรรมอื่น แล้วให้ผลด้วยตนเอง
โดยจะบีบคั้นเบียดเบียนชนกกรรมและอุปัตถัมภกกรรม เช่น ถ้าหากว่าชนกกรรมแต่งสัตว์ให้เกิดมาดี
อุปัตถัมภกกรรมก็สนับสนุนให้สัตว์นั้นดียิ่งขึ้น เจริญยิ่งขึ้น แต่อุปปีฬกกรรมนี้จะทำหน้าที่บีบคั้นเบียดเบียน
สัตว์นั้นให้ลำบากให้ตกต่ำ แต่หากว่าชนกกรรมแต่งสัตว์ให้เกิดมาไม่ดีและอุปัตถัมภกกรรมก็เข้าสนับสนุน
ซ้ำเติมให้สัตว์นั้นตกต่ำ และลำบากยิ่งขึ้น ในขณะที่อุปปีฬกกรรมจะทำหน้าที่เป็นปฏิปักษ์กับชนกกรรมและ
อุปัตถัมภกกรรม คือจะเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือสัตว์นั้นให้มีความสุขความเจริญ
อุปปีฬกกรรมมีอยู่ 2 ฝ่ายเช่นกัน ถ้าเป็นอุปปีฬกกรรมฝ่ายอกุศลกรรม ก็ย่อมทำหน้าที่
เบียดเบียนทำร้ายความสุขความเจริญแก่เจ้าของกรรม แล้วบันดาลให้เขาได้รับความทุกข์ความเสื่อมอัน
เป็นผลของตนต่อไป ดังเช่นกรณีศึกษาในเรื่องต่อไปนี้
3.3.3 กรณีศึกษาจากพระไตรปิฎกฝ่ายอกุศลกรรม
ไปอบายเพราะไม่มีโยนิโสมนสิการ
ในอดีตกาล ชายคนหนึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับพระวิหารใกล้ค่ำวันหนึ่งชายผู้นี้อาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้าน
ของตน ขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่นั้น มีสามเณรรูปหนึ่งพายเรือผ่านมา เขาเกิดความคะนองคิดจะแกล้ง
สามเณรเล่น จึงเอามือวักน้ำสาดไปที่เรือ สามเณรเห็นเข้าจึงหลบกายเพื่อจะไม่ให้เปียกน้ำ ทำให้เรือเสียหลัก
ล่มลง สามเณรกลัวตายจึงรีบว่ายน้ำเพื่อจะขึ้นฝั่ง ระหว่างว่ายไปก็ตะโกนด่าชายผู้นั้นด้วยคำหยาบ
ชายผู้นั้นโกรธจึงเข้าไปตบที่หูสามเณร 2-3 ที แล้วช่วยพาสามเณรขึ้นสู่ฝั่ง ก่อนที่จะกลับบ้านด้วยอารมณ์
ขุ่นมัว
ต่อมาชายผู้นั้นเสียชีวิตลงเมื่อละโลกแล้วเขาได้ท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารอยู่นาน
จนกระทั่งมาถึงสมัยพุทธกาล เขามาเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลของเจ้าลิจฉวี มีนามว่า สุนักขัตตลิจฉวี เมื่อ
เจริญวัยขึ้น ได้มีโอกาสฟังธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
ขอบวชเป็นพระภิกษุจากพระพุทธองค์ เมื่อบวชแล้วได้ทูลขอกรรมฐานในส่วนที่เป็นสมถภาวนา โดยตั้งใจ
ว่าจักบำเพ็ญให้บรรลุฌานก่อน จากนั้นจึงค่อยบำเพ็ญกรรมฐานในส่วนวิปัสสนาภาวนา เพื่อขจัด
อาสวกิเลสสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลในภายหลัง เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสบอกสมถภาวนากรรมฐานแล้ว
ท่านก็ลงมือปฏิบัติ ในไม่ช้าก็ได้สำเร็จฌาน บรรลุทิพพจักขุอภิญญาภายในไม่กี่วัน
เมื่อได้สำเร็จทิพพจักขุอภิญญา มีตาทิพย์สามารถมองเห็นภพภูมิต่างๆ แล้ว เกิดความดีใจ นึก
เคารพเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอันมาก คิดจะปฏิบัติตามศาสนธรรมให้ถึงที่สุดจนกระทั่งบรรลุ
*มหาลิสูตร, อรรถกถาทีฆนิกาย สีลขันธวรรค, มก. เล่ม 12 หน้า 106
62 DOU ก ก แ ห่ ง ก ร ร ม