การล้างบาปในพระพุทธศาสนาและการเปรียบเทียบกับศาสนาอื่น GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 131
หน้าที่ 131 / 214

สรุปเนื้อหา

การล้างบาปในพระพุทธศาสนาแตกต่างจากศาสนาอื่นโดยตรง ไม่ใช่การล้างบาปในความเข้าใจทั่วไป แต่เป็นการกำจัดกิเลสอาสวะที่ก่อให้เกิดบาปและความทุกข์. การเปรียบเทียบทำให้เห็นมุมมองที่แตกต่างและแนวทางการปฏิบัติของแต่ละศาสนาที่มีปัจจัยเชื่อมโยงหลายอย่าง เช่น สังคมและความเชื่อ. การปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์แปดคือการดำเนินการเพื่อกำจัดกิเลสผ่านศีล สมาธิ และปัญญาเมื่อทำครบทั้งสามประการจะเกิดความรู้แจ้งในพระพุทธศาสนา. เนื้อหานี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจให้กับนักศึกษาในหัวข้อการล้างบาป.

หัวข้อประเด็น

-การเปรียบเทียบศาสนา
-คำสอนทางพระพุทธศาสนา
-การกำจัดกิเลสอาสวะ
-แนวทางปฏิบัติในพระพุทธศาสนา
-อริยมรรคมีองค์แปด

ข้อความต้นฉบับในหน้า

แนวคิด 1. การเปรียบเทียบคำสอนในเรื่องการล้างบาประหว่างพระพุทธศาสนากับศาสนาอื่นที่มีความ เชื่อเรื่องการล้างบาป เช่น ศาสนาคริสต์ มีความเชื่อว่าบาปนั้นติดตัวมาแต่กำเนิด เพราะ อาดัมกับอีวาซึ่งเป็นมนุษย์ต้นกำเนิดนั้นทำผิดคำสั่งพระเจ้า จึงมีผลบาปตกมาถึงลูกหลาน หรือ ศาสนาพราหมณ์ที่เชื่อว่าการล้างบาปนั้นสามารถกระทำได้โดยการอาบน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ การเปรียบเทียบนี้ทำให้นักศึกษาได้เห็นมุมมองในเรื่องการล้างบาปได้หลายมิติ ทำให้เห็น แนวทางการปฏิบัติ และวิธีการของแต่ละศาสนาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคม ความเชื่อ ที่กอปรให้มีทัศนคติและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป 2. ในพระพุทธศาสนา มิได้สอนเรื่องการล้างบาปโดยตรง แต่สอนให้บุคคลทั้งหลายประพฤติตน ให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ มุ่งกำจัดกิเลสอาสวะให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ เป็น บุคคลผู้บริสุทธิ์ จัดอยู่ในขั้นที่เรียกว่า พระอรหันต์ เพราะการกำจัดกิเลสอันเป็นเหตุก่อบาป ให้หมดสิ้นไป เป็นนัยของการล้างบาปในพระพุทธศาสนาก็ได้ แต่มิได้หมายถึงบาปที่เกิดจาก การกระทำชั่วที่มีวิบากเป็นผลแล้วดังที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าไม่สามารถล้างได้ 3. การล้างบาปในพระพุทธศาสนา คือ การกำจัดกิเลสอาสวะอันเป็นเหตุให้ก่อบาปทั้งทางกาย วาจาและใจให้หมดสิ้นไปด้วยการปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนา คือ อริยมรรคมีองค์ 8 อันประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกับปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ เป็นต้น ซึ่งสามารถสรุปเป็นหลักปฏิบัติเพื่อการกำจัดกิเลสอาสวะโดยย่อได้ 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และสรุปเป็นวิธีการปฏิบัติได้ คือ 1. รักษาศีลยิ่งชีวิต 2. ฝึกจิตเจริญภาวนา 3. พัฒนา ปัญญาให้รู้แจ้ง เมื่อปฏิบัติครบทั้ง 3 ประการนี้จนบุญบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว จะเกิดวิชชา 3 ใน พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะความรู้ที่เรียกกว่า อาสวักขยญาณ คือ ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่ สิ้นไปแห่งอาสวะ หรือ ความรู้ที่ทำให้อาสวะสิ้น ถือว่าเป็นการล้างบาปจนหมดสิ้นได้เช่นกัน วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้นักศึกษามีความเข้าใจ และสามารถเปรียบเทียบหลักคำสอนเรื่องการล้างบาปของแต่ละ ศาสนาได้อย่างถูกต้อง 2. เพื่อให้นักศึกษามีความเข้าใจ และสามารถอธิบายความหมายของคำว่า ล้างบาป ในพระพุทธ ศาสนาได้อย่างถูกต้อง 3. เพื่อให้นักศึกษาซึ่งอยู่ในฐานะพุทธศาสนิกชน มีความเข้าใจชัดเจนและสามารถอธิบายหลัก คำสอน และวิธีการล้างบาปในพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง บ ท ที่ 6 ท ร ร ศ น ะ เ รื่ อ ง ก า ร ล า ง บ า ง ใ น พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า DOU 121
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More