ข้อความต้นฉบับในหน้า
สัมผัปปลาปา เวรมณี คือ การเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ เป็นผู้พูดถูกกาลเวลา พูดแต่คำจริง
พูดอิงอรรถ พูดอิงวินัย พูดถ้อยคำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่สุด ประกอบด้วยประโยชน์ โดยสมควรแก่เวลา
ทั้ง 4 หัวข้อนี้มีลักษณะที่เหมือนกัน คือ เป็นกรรมที่เกิดจากวจีกรรมด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ได้มีกรรมใน
ทางกายกรรมและทางมโนกรรมมาเกี่ยวข้องเลย จึงได้จัดทั้ง 4 หัวข้อนี้มาอยู่ในกรณีศึกษาที่จะนำเสนอใน
เรื่องเดียวกัน
กรณีศึกษาในเรื่องของกรรมมุสาวาทา เวรมณี, กรรมปิสุณาย วาจาย เวรมณี
กรรมผรุสาย วาจาย เวรมณี และกรรมสัมผัปปลาปา เวรมณี
กรณีศึกษาที่ 1 (วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548) หญิงคนหนึ่งเป็นคนชอบการใช้เสียง ได้ดำเนิน
รอยตามพ่อแม่ที่ชอบเล่นดนตรีและร้องเพลง โดยหญิงผู้นี้ได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลงตั้งแต่อยู่ชั้น ป.1
ถึงชั้นมัธยม เรื่อยมาจนถึงมหาวิทยาลัย เมื่อมีการประกวดร้องเพลงครั้งใด ก็ต้องมีเธอร่วมด้วยเกือบทุกครั้ง
และได้รางวัลที่ 1 จนมีคนมาทาบทามให้ไปออกเทปเป็นนักร้องอาชีพ แต่เธอก็ไม่ได้ไป
สาเหตุที่หญิงผู้นี้มีเสียงไพเราะ ชอบร้องเพลง อ่านกลอนทำนองเสนาะ และเป็นพิธีกร เพราะ
กรรมในอดีตชาติชอบสวดมนต์ ชอบพูดธรรมะ และมีปิยวาจา ประกอบกับมีนิสัยติดมาจากอดีตชาติที่
ชอบร้องรำทำเพลงเป็นอาชีพ
กรณีศึกษาที่ 2 (วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547) ชายคนหนึ่งในวัยเด็กมีความปรารถนาอยากจะ
เป็นนักบิน แล้วก็สอบติดโรงเรียนนักบิน แต่คุณพ่อไม่ยอมให้ไปเรียน เมื่อโตขึ้นมาก็อยากเป็นบาทหลวง
เพราะประทับใจบาทหลวงท่านหนึ่งที่อธิบายพระคัมภีร์ในโบสถ์ด้วยความอดทน และคิดว่าเป็นบาทหลวง
แล้วจะได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่คุณพ่อก็ไม่ยอมอีก จนในที่สุดเขาได้มาเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถในการ
ร้องเพลงและยังมีซุ้มเลียงที่ไพเราะก้องกังวาน
สาเหตุที่ชายผู้นี้มีความสามารถในการร้องเพลงและมีเสียงที่ไพเราะ เพราะกรรมในอดีตชาติเคย
บวชในร่มเงาพระพุทธศาสนา ชอบสวดมนต์ และก็ชอบเทศนาสั่งสอนสาธุชน
อพยาบาท (ไม่พยาบาทปองร้าย)
อพยาบาท คือ การไม่พยาบาทปองร้าย มีใจไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่นว่า “ขอสัตว์เหล่านี้ จงอย่า
จองเวรกัน อย่าเบียดเบียนกัน อย่ามีความทุกข์ จงมีแต่ความสุข อยู่รอดปลอดภัยเถิด”
1-2
จุนทสูตร, อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต, มก. เล่ม 38 หน้า 432-433
บ า ที่ 7 ก ร ณี ศึ ก ษ า เ รื่ อ ง ก า แ ห่ ง ก ร ร ม
DOU 171