ข้อความต้นฉบับในหน้า
อุปฆาตกกรรมฝ่ายกุศลของโจรองคุลิมาลติดตามมาทัน และเริ่มทำหน้าที่ คือ เมื่อองคุลิมาลได้
ฟังพระพุทธดำรัสแล้ว จึงได้สติแล้วทูลขอบวชเป็นพระภิกษุ และด้วยบุญบารมีที่ได้สั่งสมมา เมื่อท่าน
บำเพ็ญเพียรแล้ว ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ซึ่งทำให้ท่านหลุดพ้นวิบากจากการฆ่าคนมากมายในตอนต้น
สรุปความว่า กิจจจตุกกะ คือ ประเภทกรรมที่ทำตามหน้าที่ของแต่ละกรรม ถ้าหากจะเปรียบ
เทียบให้เห็นภาพของแต่ละกรรมชัดเจนขึ้นนั้น อาจจะเปรียบชนกกรรมเสมือนพี่ใหญ่ เปรียบอุปัตถัมภกกร
รมเสมือนน้องที่เชื่อฟังพี่ทุกอย่าง ส่วนอุปปีฬกกรรมและอุปฆาตกกรรมเปรียบเสมือนน้องที่ไม่เชื่อฟังพี่ มี
ความคิดเป็นของตนเอง ไม่ทำตามในสิ่งที่พี่สอนหรือบอกให้ทำ แต่อุปปีฬกกรรมนั้นจะค่อยๆ ไม่ทำตามใน
สิ่งที่พี่สอนหรือบอก ซึ่งผิดกลับอุปฆาตกกรรมที่ตรงไปตรงมา คือ ไม่ทำตามในสิ่งที่พี่สอนหรือบอกอย่าง
เห็นได้ชัดเจนมากกว่าอุปปีฬกกรรม
ที่เปรียบเช่นนี้ก็เพราะว่าชนกกรรม คือ กรรมที่นำสัตว์ไปเกิด โดยมีอุปัตถัมภกกรรมคอย
สนับสนุนและทำตามชนกกรรม คือ ถ้าชนกกรรมนำสัตว์ไปเกิดดี อุปัตถัมภกกรรมก็จะสนับสนุนในสิ่งที่ดี
ตามที่ชนกกรรมนำไป ส่วนอุปปีฬกกรรมและอุปฆาตกกรรมจะให้ในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับชนกกรรม คือ ถ้า
ชนกกรรมนำสัตว์ไปเกิดดี มีฐานะดี อุปปีฬกกรรมและอุปฆาตกกรรมก็จะเข้าไปทำให้สัตว์เจ็บป่วย ไม่
สามารถใช้ทรัพย์นั้นได้ ให้ชีวิตไม่มีความสุข เป็นต้น แต่อุปปีฬกกรรมจะเหมือนเชื้อโรคที่สะสมอยู่ใน
ร่างกายที่จะค่อยๆ บั่นทอนให้ร่างกายนั้นทรุดลงเรื่อยๆ กล่าวคือ อุปปีฬกกรรมเมื่อส่งผลจะค่อยๆ ส่งผล
อย่างช้าๆ จนบุคคลนั้นย่อยยับ ส่วนอุปฆาตกกรรมจะให้ผลในทันทีทันใด ไม่มีการลังเล ซึ่งอาจทำให้บุคคล
นั้นย่อยยับทั้งทรัพย์สินและชีวิต
เพราะฉะนั้น นักศึกษาจึงไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต ต้องหมั่นสั่งสมบุญทุกๆ บุญอย่าง
สม่ำเสมอและต่อเนื่อง อย่าได้เผลอไปทำบาปอกุศล พร้อมกับทำใจให้ใส แล้วนึกถึงแต่บุญกุศลที่ตนได้
ทำเอาไว้ตลอดเวลาให้ได้ทั้งวัน ก็จะทำให้บาปอกุศลที่จะมาตัดรอนชีวิตและทรัพย์สินไม่ได้ช่องในการส่งผล
แต่กลับจะทำให้บุญกุศลส่งผลให้เรามีชีวิตที่รุ่งเรืองมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีกจนกว่าจะหมดกิเลสเข้าสู่
พระนิพพานเฉกเช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย
บ ท ที่ 3 ก ร ร ม ห ม ว ด ที่ 1 ก ร ร ม ใ ห้ ผ ล ต า ม ห น้ า ที่ DOU 71