ข้อความต้นฉบับในหน้า
การนำผู้ที่กระทำไปรับโทษในอเวจีมหานรกตลอดกัป
4.1.4 ครุกรรมฝ่ายกุศลกรรม
ครุกรรมฝ่ายกุศลกรรม คือ กรรมที่เป็นบุญหนัก ซึ่งมีดังนี้
มหัคคตกุศล 9 ประการ ได้แก่ รูปกุศล 5 ประการ และอรูปกุศล 4 ประการ โดยที่มหัคคตกุศลทั้ง
9 ประการนี้ เกิดจากการบำเพ็ญสมถกรรมฐาน
มหัคคตกุศล 9 ประการนี้เป็นครุกรรมฝ่ายกุศลกรรม โดยเป็นกุศลกรรมหรือความดีที่มีกำลังมาก
มีลำดับการให้ผลเป็นอันดับแรกแก่ผู้ที่กระทำ คือให้ผลก่อนกรรมอื่น ครุกรรมฝ่ายกุศลกรรม คือ ฌานกุศล
ทั้ง 9 ประการนี้มีกำลังมากที่จะทำให้ไปเกิดในพรหมโลกทันที เมื่อผู้ได้ฌานดับขันธ์จากกายมนุษย์แล้ว
โดยไม่มีกรรมใดที่จะสามารถมากั้นขวางได้ แม้ว่าจะเคยทำกรรมอื่นทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรมมา
มากก็ตาม ผลแห่งกรรมเหล่านั้นไม่สามารถที่จะมีอำนาจเหนือฌานกุศลได้ ทั้งนี้เป็นเพราะฌานกุศลซึ่ง
เป็นครุกรรมฝ่ายกุศลกรรมนี้ มีกำลังมากกว่ากรรมอื่นทั้งหลาย
กรณีศึกษาจากพระไตรปิฎก
พระราชาผู้ได้ฌานสมาบัติ
ในอดีตกาล พระเจ้าพาราณสีทรงครองราชสมบัติ ณ เมืองพาราณสี ครั้งหนึ่งมีพระปัจเจกพุทธ
เจ้า 5 พระองค์ เหาะลงมาที่ประตูเมืองพาราณสี แล้วเสด็จบิณฑบาตโปรดสัตว์จนมาถึงประตูพระราชวัง
พระราชาทอดพระเนตรเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นทรงมีจิตเลื่อมใสจึงได้นิมนต์ให้เข้าไปสู่พระราชนิเวศน์
เพื่อต้องการถวายภัตตาหาร เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทรงฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว พระเจ้าพาราณสีจึงทรง
ถามพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นในเรื่องการเห็นโทษของกาม
เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นแสดงพระธรรมเทศนาตามลำดับเรียบร้อยแล้ว พระราชาจึง
สดุดีชื่นชมในการออกบวชของพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น แล้วทรงถวายผ้าจีวรและเภสัช
พุทธเจ้าเหล่านั้น ก็ทำอนุโมทนาแก่พระราชาแล้วพากันกลับไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะ
พระปัจเจก
ตั้งแต่นั้นมา พระราชาทรงมีจิตเบื่อหน่าย ไม่ยินดีในวัตถุกามทั้งหลาย เสด็จเข้าไปยังที่ประทับ
แล้วนั่งบริกรรมกสิณจนกระทั่งบรรลุฌานสมาบัติ เมื่อพระอัครมเหสีของพระองค์ทรงดำริถึงการที่พระ
รูปกุศล 5 ประการ คือ 1. ปฐมฌานกุศล 2. ทุติยฌานกุศล 3. ตติยฌานกุศล 4. จตุตถฌานกุศล 5. ปัญจมฌานกุศล
2 อรูปฌานกุศล 4 ประการ คือ 1. อากาสานัญจายตนฌานกุศล 2. วิญญาณัญจายตนฌานกุศล
3. อากิญจัญญายตนฌานกุศล
ปานียชาดก, อรรถกถาขุททกนิกาย ชาดก, มก. เล่ม 60 หน้า 51
4. เนวสัญญานาสัญญายตนฌานกุศล
86 DOU ก ฏ แ ห่ ง ก ร ร ม