ข้อความต้นฉบับในหน้า
โดยเห็นแก่ภรรยาของตนเพียงคนเดียว จึงตัดสินใจให้คนเอาถังที่บรรจุทรายจนเต็มผูกคอนางเอาไว้ แล้ว
จับโยนลงในมหาสมุทรจมหายไป เรือจึงแล่นไปได้ตามปรกติ
เหล่าพระภิกษุซึ่งโดยสารเรือลำนั้นมา เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงบังเกิดความสังเวชสงสารนาง
และพากันสงสัยถึงเหตุที่ทำให้เรือไม่แล่นทั้งที่ไม่ได้ชำรุด กับเหตุที่นางต้องตายในวัยสาวด้วยเหตุที่ไม่สมควร
เมื่อเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วได้กราบทูลเล่าเรื่องราวที่พวกตนได้พบเห็นให้พระพุทธองค์ทรงทราบ
แล้วทูลถามเหตุที่ทำให้ภรรยานายเรือถูกโยนลงทะเลจนถึงแก่ความตาย
พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าถึงบุพกรรมของนางให้แก่ภิกษุเหล่านั้นฟังว่า ในอดีตชาติ นางเกิดเป็น
ภรรยาของหนุ่มชาวนาคนหนึ่ง ได้ทำหน้าที่ของแม่บ้านอย่างดี คราวหนึ่งนางได้สุนัขพเนจรมาตัวหนึ่ง จึง
เลี้ยงดูด้วยความเมตตาจนสุนัขนั้นมีความรักใคร่ในตัวนาง เมื่อนางจะไปในที่ใด สุนัขนั้นก็จะติดตามไปทุกแห่ง
และไม่ว่านางจะทำการงานสิ่งใด สุนัขนั้นก็จะนอนเฝ้าดูนางอยู่เสมอ พวกเด็กหนุ่มเห็นเช่นนั้น จึงพากัน
พูดล้อเลียนนาง ทำให้นางรู้สึกอับอายมาก จึงคว้าไม้ไล่ตีสุนัขเพื่อไม่ให้ตามมาอีก แต่เนื่องจากสุนัขตัวนี้
เคยเป็นสามีของนางในอดีตชาติ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่โกรธหรือหลบหนี แต่กลับยังคอยติดตามนางเช่นเดิม
นางโกรธสุนัขมากที่ชอบติดตามไปทุกที่ ในวันหนึ่งเมื่อนางนำอาหารไปส่งสามีที่ทุ่งนาจึงแสร้งทำ
เป็นเรียก เมื่อสุนัขเห็นเข้าก็มาหาและตามไปโดยไม่ลังเล นางจึงเอาเชือกผูกคอสุนัขกับถังที่บรรจุทรายจน
เต็ม แล้วผลักสุนัขตกลงไปในน้ำ เพราะกรรมนั้น ทำให้นางต้องไปเกิดในอบายภูมิเป็นเวลายาวนาน เมื่อ
วิบากกรรมลดลงก็มาเกิดเป็นมนุษย์และได้มาเป็นภรรยาของนายเรือในชาติปัจจุบัน กรรมที่นางทำกับ
สุนัขนั้นได้กลายเป็นอปรปริยายเวทนียกรรม ทำให้นางถูกจับโยนลงทะเลโดยมีเชือกผูกคอเข้ากับหม้อ
บรรจุทรายจนถึงแก่ความตายเหมือนกัน
2) อปรปริยายเวทนียกรรมฝ่ายกุศลกรรม คือ กรรมฝ่ายดีหรือกรรมฝ่ายบุญที่จะให้ผลแก่บุคคล
ที่กระทำกรรมให้ได้รับความสุขความเจริญตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไปทันที ดังเช่นกรณีศึกษาจากพระไตรปิฎก
เรื่องพระนางมัลลิการาชเทวี
พระนางมัลลิกาเทวีเป็นผู้ที่จัดแจงการถวายอสทิสทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งถือเป็นกุศลกรรม
อันยิ่งใหญ่ เพราะการถวายทานเช่นนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่ละพระองค์ นอกจากนั้นพระนางยังได้ประกอบคุณงามความดีสร้างบุญกุศลเอาไว้มากมาย แต่ได้หลอก
ลวงพระเจ้าปเสนทิโกศลในเรื่องที่พระนางยินดีในสัมผัสของสุนัข แม้ว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลจะไม่ติดใจ
แต่กรรมลามกนั้นได้ติดอยู่ในใจพระนางไปจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต ทำให้ต้องไปเกิดในอเวจีมหานรก
ถึง 7 วันมนุษย์ แล้วจึงไปเสวยผลบุญบนสวรรค์ชั้นดุสิต การไปสู่สวรรค์ชั้นนี้ถือว่าเป็นอปรูปริยายเวทนีย
กรรมของพระนาง ซึ่งให้ผลในชาติที่ 3 เป็นต้นไป
เรื่องพระนางมัลลิกาเทวี, อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 166
บ ท ที่ 5 ก ร ร ม ห ม ว ด ที่ 3 ก ร ร ม ใ ห้ ผ ล ต า ม ก า ล เ ว ล า
DOU 111