การวิวัฒนาการของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและแนวคิดการล้างบาป GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 136
หน้าที่ 136 / 214

สรุปเนื้อหา

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเริ่มต้นจากเอกเทวนิยมกลายเป็นพหุเทวนิยม โดยมีเทพผู้ใหญ่ 3 องค์คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุหรือที่เรียกว่าตรีมูรติ ศาสนานี้พัฒนามาจากอารยันที่เข้ามาในอินเดียและผสมผสานกับดราวิเดียน แนวคิดเรื่องการล้างบาปในศาสนาพราหมณ์ถือว่าการอาบน้ำในแม่น้ำคงคาเป็นการชำระมลทิน ขณะเดียวกัน ในศาสนาพุทธก็มีแนวคิดเกี่ยวกับการประพฤติดี และไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นโดยมีการถือการทำดีเพื่อทำให้โทษหมดไป

หัวข้อประเด็น

-วิวัฒนาการศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
-ความเชื่อเรื่องเทพเจ้า
-การล้างบาปในศาสนาต่างๆ
-พิธีกรรมและหลักคำสอนของศาสนา
-การเปรียบเทียบระหว่างศาสนาพราหมณ์และพุทธ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ยาวนานผ่านขั้นตอนทางประวัติศาสตร์มาหลายขั้นตอน ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาประเภทพหุเทวนิยมนับถือพระเจ้าหลายองค์ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ดั้งเดิมเป็นเอกเทวนิยม คือ นับถือพระพรหมองค์เดียวเท่านั้น ต่อมามีวิวัฒนาการกลายเป็นศาสนา ประเภทพหุเทวนิยม นับถือเทพเจ้ามากมาย แต่เทพผู้เป็นใหญ่มี 3 องค์ คือ พระพรหม ผู้สร้างโลก พระศิวะ ผู้ทำลาย พระวิษณุ ผู้รักษาสิ่งต่างๆ ให้เป็นปกติ เทพทั้ง 3 องค์รวมกันเรียกว่า ตรีมูรติ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นศาสนาเดียวกัน โดยศาสนาฮินดูพัฒนามาจากศาสนาพราหมณ์ และเกิดในยุคพระเวท พวกอารยันซึ่งเป็นพวกผิวขาวได้เดินทางมาจากตอนใต้ของรัสเซียเข้ามาขับไล่พวก ดราวิเดียนซึ่งเป็นพวกผิวดำ และเป็นชนพื้นเมืองเดิมของพวกอินเดีย พวกดราวิเดียนบางพวกหนีไปอยู่ ศรีลังกาและไปเป็นชนพื้นเมืองเดิมของประเทศศรีลังกา บางพวกได้สืบเชื้อสายผสมผสานเผ่าพันธุ์กับพวก อารยันกลายเป็นคนอินเดียในปัจจุบัน คนอารยันนับถือพระอาทิตย์ ส่วนพวกชนพื้นเมืองเดิมนับถือไฟ จึงได้เผยแพร่ความเชื่อของตนโดยชี้ให้ พวกอารยันเห็นว่าความเชื่อของตนเข้ากันได้กับพวกดราวิเดียน เห็นว่าดวงไฟที่ยิ่งใหญ่นั้นคือดวงอาทิตย์ จึงควรนับถือพระอาทิตย์ซึ่งเป็นที่มาของไฟทั้งปวงในโลกมนุษย์ ทำให้แนวความคิดของชนพื้นเมืองเดิมกับพวกอารยันผสมผสานเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมีความเชื่อว่าบาปสามารถล้างได้เช่นเดียวกับศาสนาคริสต์ แต่มีพิธีกรรม ทางศาสนาที่แตกต่างกัน ซึ่งขั้นตอนพิธีกรรมโดยละเอียดนั้น ไม่ค่อยมีปรากฏมากนัก ทราบเพียงว่า ศาสนิก ของศาสนาพราหมณ์ในสมัยก่อน ถือว่าการได้ลงอาบน้ำชำระกายในแม่น้ำคงคามหานที เป็นการชำระมลทิน ก่อให้เกิดความบริสุทธิ์ เพราะถือว่าแม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากพระโอษฐ์ของพระพรหม หรือพระศิวะที่สถิตอยู่บนเขาไกรลาส แม้คนใกล้ตาย ก็จะถูกหามมายังริมฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อลอยอังคาร เมื่อศพถูกเผาแล้ว ถือว่าเป็นการล้างบาปครั้งสุดท้าย แม้ปัจจุบันนี้พิธีกรรมการล้างบาปในทำนองที่กล่าว มาแล้ว ยังคงปรากฏอยู่มากในประเทศอินเดีย เป็นพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู มีผู้คน นับแสนคนไปรวมกันยังฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อประกอบพิธีล้างบาปตามความเชื่อของตน 6.2 ทรรศนะเรื่องการล้างบาปในศาสนาพุทธ พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่มุ่งสอนให้คนทุกคนมีความประพฤติดีงามทั้งกาย วาจา และใจ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามคำสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีเป้าหมายสูงสุดคือการกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปโดยนัยนี้ถือว่าเป็นการล้างบาป ในตัวอยู่แล้ว แต่มิได้ใช้คำว่าล้างบาปโดยตรงเท่านั้น เพราะคำนี้เป็นคำของศาสนาพราหมณ์ที่มีอยู่มาก ในอินเดียก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบังเกิดขึ้น ดังนั้น นักศึกษาจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้ทรรศนะเรื่องการล้างบาปในพระพุทธศาสนา เพื่อ นักศึกษาจะได้เข้าใจหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า 126 DOU ก ฎ แ ห่ ง ก ร ร ม มีคำสอนที่เหมือนหรือแตกต่างจากคำสอน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More