อปรปริยายเวทนียกรรม GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 120
หน้าที่ 120 / 214

สรุปเนื้อหา

อปรปริยายเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไป ตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป โดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลของกรรมได้ กรรมประเภทนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ อปรปริยายเวทนียกรรมฝ่ายอกุศลกรรมและกุศลกรรม โดยอธิบายว่า กรรมที่กระทำไปนั้นจะติดตามบุคคลทุกหนทุกแห่ง และเมื่อมีโอกาสก็จะให้ผลทันที เปรียบเทียบกับการไล่เนื้อของสุนัขดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากพระไตรปิฎกที่เกี่ยวข้องกับผลกรรมที่ทำไว้ในอดีตซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องในปัจจุบันและอนาคต

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของอปรปริยายเวทนียกรรม
-ลักษณะของอปรปริยายเวทนียกรรม
-กรณีศึกษาในพระไตรปิฎก
-การแบ่งประเภทของกรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

5.3 อปรปริยายเวทนียกรรม 5.3.1 ความหมายของอปรูปริยายเวทนียกรรม อปรูปริยายเวทนียกรรม มาจากคำ 3 คำ คือ อประ หมายถึง ภพอื่น ชาติอื่น ปริยายะ หมายถึง วาระ กำหนดระยะเวลา และเวทนียะ หมายถึง กรรมที่จะเสวยผล เมื่อรวมความแล้วก็จะหมายถึง กรรม ที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไป คือตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป 5.3.2 ลักษณะของอปรูปริยายเวทนียกรรม อปรูปริยายเวทนียกรรม เป็นกรรมที่ให้ผลในชาติที่ 3 นับจากปัจจุบันชาตินี้เป็นต้นไป เมื่อ บุคคลทำอกุศลกรรมหรือกุศลกรรมประเภทนี้แล้ว กรรมนั้นจะยังไม่ให้ผลในชาติปัจจุบัน และชาติหน้าซึ่ง ถัดจากชาติปัจจุบัน แต่จะให้ผลในชาติที่ 3 เป็นต้นไป โดยไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ด้วยอำนาจของ เจตนากรรมในชวนจิตดวงที่ 2 ถึงดวงที่ 6 โดยจะติดตามบุคคลที่กระทำกรรมไปในทุกหนทุกแห่ง และเมื่อ ได้โอกาสก็จะให้ผลทันที เปรียบเหมือนนายพรานสุนัข เมื่อเห็นเนื้อแล้วก็ปล่อยสุนัขให้ไล่เนื้อ เมื่อสุนัขไล่ ตามไปทันในที่ใด ก็จะกัดเนื้อล้มลงในที่นั้น อปรปริยายเวทนียกรรมก็เช่นกัน เป็นกรรมที่ผู้ใดกระทำแล้วก็ จะเป็นกรรมของผู้นั้นตลอดไป จะไม่มีการสูญสิ้นอันตรธานไปไหน เว้นไว้แต่บุคคลที่กระทำกรรมจะบรรลุ เป็นพระอรหันต์หมดกิเลสดับขันธ์เข้าพระนิพพาน กรรมนี้จึงจะหมดโอกาสให้ผล ซึ่งเมื่ออปรูปริยาย เวทนียกรรมนี้ได้ช่องได้โอกาสตามทันบุคคลที่กระทำกรรมในชาติใดแล้ว ก็จะทำหน้าที่ให้ผลทันที ไม่ว่า บุคคลที่กระทำกรรมนั้นจะอยู่ในฐานะอย่างไรก็ตาม อปรปริยายเวทนียกรรมแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ 1) อปรปริยายเวทนียกรรมฝ่ายอกุศลกรรม คือ กรรมชั่ว หรือกรรมฝ่ายบาป ที่จะให้ผลแก่ บุคคลที่กระทำกรรมให้ได้รับทุกข์โทษความเดือดร้อนตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไปทันที ดังเช่นกรณีศึกษาจาก พระไตรปิฎก เรื่องตายเพราะกรรมเก่าตามทัน ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุกลุ่มหนึ่งมีความปรารถนาที่จะเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงพากัน โดยสารเรือเดินสมุทรลำใหญ่เพื่อไปยังเมืองสาวัตถี วันหนึ่งในขณะที่แล่นอยู่กลางทะเล เรือได้หยุดนิ่งโดย ไร้สาเหตุและไม่สามารถแล่นต่อไปได้ นายเรือจึงสั่งลูกเรือให้ตรวจตราเรือเพื่อหาจุดชำรุด แต่แม้จะตรวจ ดูจนทั่วเรืออยู่หลายรอบก็ไม่ปรากฏว่าเรือมีอาการชำรุดแต่อย่างใด เมื่อไม่เห็นวิธีการที่จะสามารถทำให้ เรือแล่นต่อไปได้ นายเรือจึงเรียกผู้โดยสารทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อแจ้งให้พวกเขารับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และเพื่อให้ทุกคนช่วยกันระดมความคิดในการหาทางแก้ไข ซึ่งในที่สุดได้มีผู้หนึ่งกล่าวขึ้นว่าในเรือน่าจะมี คนที่เป็นกาลกิณีอยู่จึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เมื่อทุกคนเห็นพ้องตรงกัน จึงทำสลากขึ้นมาให้ทุกคนจับ ปรากฏว่า ภรรยาสาวของนายเรือจับได้ถึง 3 ครั้ง นายเรือไม่อาจปล่อยให้ลูกเรือคนอื่นได้รับอันตราย เรื่องชน 3 คน, อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 54 110 DOU ก ก แ ห่ ง ก ร ร ม
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More