ข้อความต้นฉบับในหน้า
กรณีศึกษาที่ 2 (วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2546) ชายคนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวที่เคร่งครัดใน
ลัทธิหนึ่งที่แยกออกมาจากพุทธนิกาย จึงทำให้เขาต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมของลัทธินี้ตั้งแต่เด็ก แต่ในใจ
ของเขาก็ยังไม่มีความเชื่อหรือความศรัทธาเลย เมื่อโตขึ้นได้มาศึกษาเรื่องสมาธิจากประเทศต่างๆ รวมทั้ง
ที่เมืองไทยด้วย ทำให้มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมและมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี เมื่อพบกับคำตอบที่ค้างอยู่ในใจ
ตนเองมาตลอดได้ จึงเกิดความศรัทธาและมีความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้น แต่เขาก็เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง
เป็นผื่นแดงและคัน ต้องไปหาหมอเป็นประจำ
สาเหตุที่ชายผู้นี้เป็นโรคผิวหนังผื่นแดงคัน เพราะกรรมในอดีตชาติเป็นคนที่ซน มีความเชื่อมั่นใน
ตัวเอง และชอบล้อเพื่อนเล่น ทำให้คนที่ถูกล้อเกิดความขัดเคืองใจ และเคยแกล้งเพื่อนโดยเอาหญ้าคันไป
แกล้งโรยใส่เพื่อนด้วยความคะนอง ประกอบกับในปัจจุบันที่ชอบอั้นปัสสาวะและอุจจาระเป็นเวลานาน
กรณีศึกษาที่ 3 (วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2547) หญิงคนหนึ่งเป็นคนรักสวยรักงาม สนุกสนาน
มีเพื่อนมาก จิตใจดี ชอบทำบุญแบบสังคมสงเคราะห์ทั่วไป แต่มีจุดอ่อนคือ วจีกรรมและรังเกียจสัตว์เล็ก
เช่น ยุง แมลงสาบ เป็นต้น ต่อมาพบว่าเป็นมะเร็งที่หน้าอกและได้ลามไปที่ผิวหนัง ทำให้เกิดแผลหลายแห่ง
เลือด น้ำเหลืองไหลเยิ้ม แต่รักษาหายด้วยสมุนไพรภายใน 2 เดือน แผลจึงแห้ง แต่ก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
สาเหตุที่หญิงผู้นี้เป็นมะเร็งที่อก เพราะกรรมกาเมฯ ในอดีตชาติ และที่มะเร็งลุกลามไปที่ผิวหนัง
เพราะกรรมในอดีตชาติที่พูดนินทาว่าร้ายหรือพูดเหน็บแนมทำให้คนเจ็บใจ
กรณีศึกษาที่ 4 (วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546) ชายคนหนึ่งเป็นโรคสะเก็ดเงิน ในตอนแรกจะ
เป็นที่บริเวณศีรษะและท้ายทอย ต่อมาก็ลามไปทั้งตัว มีอาการคัน เป็นผื่นบวมแดง บนแผลมีสะเก็ด
เคลือบอยู่และจะหลุดร่อนเวลาถูกเสียดสีจากเสื้อผ้า ในตอนแรกที่ไปรักษา ทำให้อาการดีขึ้น แต่ภายหลัง
ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งโรคนี้คุณแม่ของเขาก็เป็นเช่นกัน แต่จะเป็นน้อยกว่า โดยมีอาการเป็นๆ หายๆ
สาเหตุที่ชายผู้นี้และคุณแม่เป็นโรคสะเก็ดเงิน เพราะกรรมในอดีตชาติทั้งสองได้เกิดเป็นแม่ลูก
กันในตระกูลที่มีฐานะปานกลาง โดยชายผู้นี้มักมีอคติกับพระและชอบพูดจาติเตียนพระและผู้อื่นให้เสียหาย
หรือบางครั้งก็มักจะนินทาว่าร้ายทำให้ผู้อื่นเสียหายลับหลังเป็นประจำ และคุณแม่ของเขาก็มีใจยินดีใน
สิ่งที่ลูกทำ
กรณีศึกษาที่ 5 (วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2548) หญิงคนหนึ่งเป็นคนพูดติดอ่างตั้งแต่เด็กและ
บ่อยครั้งที่พูดไม่ออก ก็ต้องใช้มือตบปากตัวเอง หรือบางครั้งต้องขึ้นไปบนโต๊ะแล้วกระโดดลงมา จึงจะพูด
คำนั้นออกมาได้ บางครั้งพี่ๆ ก็จะช่วยตบปากก่อนที่เธอจะตบเอง ซึ่งอาการนี้มาดีขึ้นและค่อยๆ หายไป
บ า ที่ 7 ก ร ณี ศึ ก ษ า เ รื่ อ ง ก า แ ห่ ง ก ร ร ม DOU 159