กรรมหมวดแรกและการให้ผลตามหน้าที่ GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 65
หน้าที่ 65 / 214

สรุปเนื้อหา

การให้ผลของกรรมหมวดแรกในบทที่ 3 นี้ กล่าวถึง กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่หรือกิจจจตุกะ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ชนกกรรม, อุปัตถัมภกกรรม, อุปปีฬกกรรม และอุปฆาตกกรรม โดยชนกกรรมเป็นกรรมที่นำไปเกิดในภพภูมิต่างๆ เช่น มนุษย์ หรือสัตว์ และทำหน้าที่ในการตกแต่งสัตว์ให้เหมาะสมกับภาวะในแต่ละประเภท โดยมีทั้งชนกกรรมฝ่ายกุศลและอกุศลที่จะส่งผลตามที่ทำไว้ นักศึกษาจะได้ศึกษาข้อมูลเหล่านี้เพื่อเข้าใจการให้ผลของกรรมได้ดียิ่งขึ้น เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องคือ dmc.tv

หัวข้อประเด็น

-กฎแห่งกรรม
-กรรมหมวดแรก
-การเกิดในภพภูมิ
-ชนกกรรม
-กรรมที่เป็นกุศลและอกุศล

ข้อความต้นฉบับในหน้า

การให้ผลของกรรมหมวดแรกที่จะกล่าวถึงในบทที่ 3 นี้ ภาษาบาลีเรียกว่า กิจจจตุกะ เป็นกรรม ที่ให้ผลตามหน้าที่ หรือหน้าที่ของกรรมที่จะต้องให้ผลกับบุคคลที่กระทำอกุศลกรรม หรือกุศลกรรมไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมหนักหรือไม่ใช่กรรมหนักก็ตามย่อมมีอำนาจหน้าที่ในการให้ผล ซึ่งกรรมให้ผลตามหน้าที่นี้ มีอยู่ 4 ประเภท คือ ชนกกรรม ได้แก่ กรรมที่นำไปเกิด อุปัตถัมภกกรรม ได้แก่ กรรมที่คอยสนับสนุน อุปปีฬกกรรม ได้แก่ กรรมที่บีบคั้น อุปฆาตกกรรม ได้แก่ กรรมที่ตัดรอน ซึ่งกรรมทั้ง 4 ประเภทนี้ จะให้ ผลตามหน้าที่อย่างไร นักศึกษาจะได้ศึกษาดังต่อไปนี้ 3.1 ชนกกรรม 3.1.1 ความหมายของชนกกรรม ชนกกรรม หมายถึง กรรมที่ทำหน้าที่นำสัตว์ไปเกิดในภพภูมิต่างๆ เพราะการที่สัตวโลกจะเกิดขึ้น มาได้ในภพ 3 เช่น สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา เป็นต้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งชนกกรรมทั้งสิ้น 3.1.2 ลักษณะของชนกกรรม จากความหมายข้างต้นจึงอาจเปรียบชนกกรรมเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดบุตร เพราะมารดาย่อม มีหน้าที่ให้กำเนิดบุตร ชนกกรรมก็เช่นกัน มีหน้าที่เพียงนำสัตว์ทั้งหลายให้เกิดขึ้นเท่านั้น พอสัตว์นั้นเกิด แล้วก็หมดหน้าที่ของชนกกรรม นอกจากนี้ชนกกรรมยังทำหน้าที่ในการตกแต่งสัตว์ในแต่ละภพภูมิให้มี อวัยวะแตกต่างกัน เช่น ตา หู จมูก ปาก แขน ขา ให้เหมาะสมกับภาวะของสัตว์แต่ละประเภทในแต่ละ ภพภูมิ เช่นว่าเกิดเป็นคนต้องมีลักษณะอย่างนี้ เกิดเป็นสัตว์ชนิดนี้ต้องมีรูปร่างลักษณะอย่างนี้ นอกจากนี้ การที่สัตวโลกมีสภาพแตกต่างกัน เช่น ร่างกายพิกลพิการ หรือสมบูรณ์แข็งแรง รูปร่างงดงามหรืออัปลักษณ์ เกิดมาในตระกูลสูงหรือต่ำ ฉลาดหรือโง่ ร่ำรวยหรือยากจน ล้วนเกิดจากชนกกรรมที่ให้ผลในคราวเดียว กับที่นําไปเกิดด้วยเช่นกัน ชนกกรรมจึงเป็นใหญ่ในการนำสัตว์ไปเกิด กรรมอื่นจะมาแทรกแซงแย่งทำหน้าที่ไม่ได้ เพราะ ชนกกรรมทำหน้าที่ตามลำพังในขณะนั้น เปรียบเสมือนมารดากำลังคลอดทารก ย่อมทำหน้าที่คลอดเพียง คนเดียว คนอื่นจะมาแย่งหน้าที่คลอดร่วมด้วยในขณะนั้นไม่ได้ ชนกกรรมมีอยู่ 2 ฝ่าย คือ ชนกกรรมฝ่ายที่เป็นอกุศล และชนกกรรมฝ่ายที่เป็นกุศล ชนกกรรม ฝ่ายที่เป็นอกุศลนั้น เมื่อทำหน้าที่นำให้สัตว์ไปเกิดนั้น ย่อมผลักดันให้ไปเกิดในทุคติภูมิ คือ อบายภูมิทั้ง 4 มีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ดังเช่นกรณีศึกษาในเรื่องต่อไปนี้ บ ท ที่ 3 ก ร ร ม ห ม ว ด ที่ 1 ก ร ร ม ใ ห้ ผ ล ต า ม ห น้ า ที่ DOU 55
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More