ข้อความต้นฉบับในหน้า
3.2 อุปัตถัมภกกรรม
3.2.1 ความหมายของอุปัตถัมภกกรรม
อุปัตถัมภกกรรม หมายถึง กรรมที่ทำหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชูกรรมอื่น คือการเข้าไปค้ำชูกรรมของ
สัตว์ทั้งหลายที่ไปเกิดในภูมิต่างๆ ให้ได้รับความทุกข์และความสุขตามสมควรแก่กรรมของตน
3.2.2 ลักษณะของอุปัตถัมภกกรรม
จากความหมายข้างต้นจึงอาจจะเปรียบอุปัตถัมภกกรรมเป็นเสมือนวีรบุรุษที่คอยช่วยเหลือมนุษย์
ให้มีแต่ความสุข หรือเป็นเสมือนผู้ร้ายที่คอยซ้ำเติมและทำให้มนุษย์เดือดร้อนเป็นทุกข์ เพราะ
อุปัตถัมภกกรรมมีหน้าที่ช่วยอุปถัมภ์สนับสนุนชนกกรรม คือ สนับสนุนสัตว์ทั้งหลายที่ไปเกิดในภูมิต่างๆ
ให้ได้รับความทุกข์และความสุขตามสมควรแก่กรรมของตน ถ้าชนกกรรมแต่งให้สัตว์เกิดมาดี
อุปัตถัมภกกรรมก็จะสนับสนุนให้ดียิ่งขึ้นไป แต่ถ้าชนกกรรมแต่งสัตว์ให้เกิดมาไม่ดี อุปัตถัมภกกรรมก็จะ
สนับสนุนหรือซ้ำเติมให้สัตว์นั้นย่ำแย่ หรือทุกข์ยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก
อุปัตถัมภกกรรมมี 2 ฝ่าย คือ อุปัตถัมภกกรรมฝ่ายอกุศล และอุปัตถัมภกกรรมฝ่ายกุศล
อุปัตถัมภกกรรมฝ่ายอกุศลจะทำหน้าที่อุปถัมภ์กรรมที่เป็นอกุศลให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป โดยจะทำหน้าที่
บันดาลให้เจ้าของกรรมประสบกับความวิบัติ พบกับอุปสรรคความขัดข้องในชีวิตอยู่เสมอ มีความอาภัพอับโชค
ตลอดชีวิต ดังเช่นกรณีศึกษาในเรื่องต่อไปนี้
3.2.3 กรณีศึกษาจากพระไตรปิฎกฝ่ายอกุศลกรรม
ปรโลกของเศรษฐีผู้ตระหนี่
ในสมัยพุทธกาล มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อว่า อานันทเศรษฐี เป็นผู้มีความตระหนี่แรงกล้า ไม่ทำทาน และ
ไม่รักษาศีล แม้จะมีทรัพย์สมบัติมากมายแต่เป็นคนที่มากด้วยความโลภ หาทรัพย์ได้มาเท่าใดก็เก็บรักษาไว้
ไม่ยอมใช้จ่ายสิ่งใดเกินความจำเป็น แม้เรื่องอาหารการกินก็กินแต่เพียงเล็กน้อย กินของไม่ประณีตราคาถูก
เพราะกลัวทรัพย์จะหมด ยิ่งนับวันก็ยิ่งโลภและตระหนี่มากขึ้น
ทุก 15 วัน เศรษฐีจะเรียกลูกหลานและหมู่ญาติมาประชุมและให้โอวาทว่า สมบัติของตนที่มี
อยู่ 80 โกฏินี้ อย่าได้คิดว่าเป็นของมาก ดังนั้นจึงไม่ควรจะนำออกให้ใครๆ เป็นต้นว่า ยาจกขอทาน และ
สมณะโล้นทั้งหลาย เพราะให้แล้วไม่เกิดประโยชน์ใดๆ มีแต่ความสิ้นเปลืองไปแห่งทรัพย์ ไม่ได้ผลตอบแทน
ใดๆ และต้องหาทรัพย์มาเพิ่มเติมให้มากขึ้นเรื่อยๆ การใช้จ่ายทรัพย์แม้ครั้งละเล็กน้อย ก็จะนำไปสู่ภาวะ
เรื่องอานนทเศรษฐี, อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 41 หน้า 182
58 DOU ก ก แ ห่ ง ก ร ร ม