ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความชั่วทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ เป็นผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่จิต ทำให้จิตอยู่ในสภาวะ
เศร้าหมองไม่ผ่องใส หนทางแห่งการทำบาป ทำความชั่ว ทำความไม่ดีนั้น ตามหลักพระพุทธศาสนา
เรียกว่า อกุศลกรรมบถ มี 10 ประการ แบ่งออกเป็น 3 ทาง คือ กายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม 3
ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. กายกรรม 3 หมายถึง ความประพฤติไม่ดีที่แสดงออกทางกาย 3 ประการ ได้แก่
(1) ปาณาติบาต ทำสัตว์ให้ตกล่วง คือ ฆ่าสัตว์
(2) อทินนาทาน ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย
(3) กาเมสุมิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม
2. วจีกรรม 4 หมายถึง ความประพฤติไม่ดีที่แสดงออกทางวาจา 4 ประการ ได้แก่
(4) มุสาวาท พูดเท็จ
(5) ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด
(6) ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
(7) สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ
3. มโนกรรม 3 หมายถึง ความประพฤติไม่ดีที่เกิดขึ้นในใจ 3 ประการ ได้แก่
(8) อภิชฌา โลภอยากได้ของเขา
(9) พยาบาท ปองร้ายเขา
(10) มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม
สรุปว่า ทางที่จะทำชั่ว ทำบาปได้ มี 3 ทาง เมื่อนักศึกษาทราบดังนี้แล้ว จะต้องสำรวมระวัง
ควบคุมกาย วาจา ใจ ไม่ให้พลาดพลั้งไปกระทำบาปอย่างเด็ดขาด โดยประพฤติตนตามหลักกุศลกรรมบถ
10 คือ ประพฤติตรงข้ามกับอกุศลกรรมบถ 10 หรือประพฤติตามหลักสุจริต คือ กายสุจริต วจีสุจริต และ
มโนสุจริต อันเป็นความประพฤติเพื่อความสะอาด ตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังที่กล่าวไว้
ใน จุนทสูตร' ว่า
พระศาสดาประทับอยู่ ณ สวนมะม่วงของนายจุนทกัมมารบุตร นายจุนทกัมมารบุตรได้กล่าวถึง
ความสะอาด และวิธีการทำความสะอาดของพราหมณ์ ซึ่งต่างจากความสะอาดของพระอริยะ
และทางใจ
พระศาสดาตรัสถึงความไม่สะอาดของพระอริยะ คือ การกระทำทุจริต 3 ทั้งทางกาย ทางวาจา
1
จุนทสูตร, อังคุตรนิกาย ทสกนิบาต, มก. เล่ม 38 หน้า 427
130 DOU ก ก แ ห่ ง ก ร ร ม