กรรมและอาการติดอ่าง GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 170
หน้าที่ 170 / 214

สรุปเนื้อหา

บทความนี้ศึกษาเกี่ยวกับกรรมในอดีตที่ส่งผลต่อชีวิตในปัจจุบัน โดยใช้กรณีศึกษาจากชีวิตของหญิงที่เป็นโรคติดอ่างและชายที่เกิดในสังคมเกษตรกรรม ซึ่งมีกรรมที่ตามมาแสดงให้เห็นถึงผลจากการกระทำในอดีต นอกจากนี้ยังมีกรณีของหญิงที่มีอุบัติเหตุทางน้ำซึ่งเกิดจากกรรมในอดีต และหญิงที่มีโรคเอสแอลอี การศึกษาเหล่านี้ช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างกรรมกับชีวิตในปัจจุบันและส่งเสริมให้ผู้อื่นมีสติและระลึกถึงการกระทำของตน.

หัวข้อประเด็น

-กรรมในอดีต
-อาการติดอ่าง
-กรณีศึกษา
-ผลของกรรม
-ความสัมพันธ์ระหว่างกรรมกับชีวิต

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เมื่อตอนเรียนมัธยม สาเหตุที่หญิงผู้นี้เป็นโรคติดอ่างเพราะกรรมในอดีตชาติเธอมีเพื่อนที่พูดติดอ่างอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน หญิงผู้นี้จึงชอบล้อเลียนแกล้งเพื่อนโดยไม่มีเจตนา แค่ต้องการสนุกสนาน แต่ทำให้เพื่อนอับอาย อภิชฌา (เพ่งเล็งอยากได้ของของผู้อื่น) เจตนาเป็นเหตุละโมบ ในเมื่อเห็นสิ่งของของผู้อื่นแล้วเพ่งเล็ง โดยน้อมเข้ามาหาตนว่า “ทำอย่างไร ของนี้จะพึงเป็นของเรา” ชื่อว่า อภิชฌา กรณีศึกษาในเรื่องของกรรมอภิชฌา กรณีศึกษาที่ 1 (วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546) ชายคนหนึ่งเป็นคนดีและเก่ง เรียนจบด้าน นิติศาสตร์และบัญชี ได้ทำงานในสำนักงานเลขาธิการสหประชาชาติ ภายหลังเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ปอด ทั้งๆ ที่ไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่ สาเหตุที่ชายผู้นี้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ปอดและอายุสั้น เพราะกรรมในอดีตชาติเกิดในสังคม เกษตรกรรมและมีไร่นาเป็นจำนวนมาก เมื่อพ่อแม่ตาย เขาต้องการจะฮุบมรดกทั้งหมดเป็นของตนเอง จึง ฆ่าน้องสาวของตัวเองตาย โดยการเอายาสลบปิดปาก ปิดจมูกให้หายใจไม่ออก จนกระทั่งน้องสาวตาย แต่เมื่อสามีและลูกชายของน้องสาวรู้ จึงตั้งใจจะมาฆ่าล้างแค้น แต่ชายผู้นี้รู้ทันจึงส่งคนไปฆ่าก่อน กรณีศึกษาที่ 2 (วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2547) หญิงคนหนึ่งเป็นคนอดทน มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคดโกงใคร และสอนให้ลูกๆ อดทนและให้มีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งตัวเธอเองก็นั่งสมาธิก่อนนอนเสมอ และก็ทำบุญทุกบุญตามกำลัง ภายหลังเธอประสบอุบัติเหตุทางน้ำและเสียชีวิตลงในที่สุด สาเหตุที่หญิงผู้นี้ต้องประสบอุบัติเหตุทางน้ำจนเสียชีวิต เพราะกรรมในอดีตชาติได้ฆ่าเพื่อนเพราะ ผลประโยชน์และต้องการฮุบสมบัติ กรณีศึกษาที่ 3 (วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2547) หญิงคนหนึ่งมีอาการป่วยตั้งแต่อายุ 17 ปี เป็นๆ หายๆ และมีอาการปวดตามข้อนิ้ว สลับไปสลับมาเกือบทุกนิ้ว แล้วก็หายเอง ไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอ ก็ระบุไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไร จนเมื่ออายุ 22 ปี ก็มาตรวจพบว่าเป็นโรคเอสแอลอี (SLE) หรือภูมิแพ้ตนเอง โดยมีอาการไตอักเสบแบบเฉียบพลันและระบมทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงท้องจนถึงปลายเท้าจะบวมมาก จึง เข้ารักษาตัวโดยตลอด จนกระทั่งปัจจุบันสามารถควบคุมโรคได้และไม่แสดงอาการ แต่หมอก็ยังให้ยามาทาน เพื่อรักษาโรคนี้ไปตลอดชีวิต กถาว่าด้วยวินัย มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม 2, (กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2532), หน้า 114 160 DOU ก ก แ ห่ ง ก ร ร ม
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น