ข้อความต้นฉบับในหน้า
ท่านพระสมิทธิกล่าวว่า ดูก่อนโปตลิบุตรผู้มีอายุ ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้ อย่ากล่าวตู่พระผู้มี
พระภาคเจ้า การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ตรัสอย่างนี้ว่า กายกรรม
เป็นโมฆะ วจีกรรมเป็นโมฆะ มโนกรรมเท่านั้น จริง และว่าสมาบัติที่บุคคลเข้าแล้วไม่เสวยเวทนาอะไรๆ นั้น
มีอยู่
ปริพาชก, ดูก่อนท่านสมิทธิ ท่านบวชมานานเท่าไรแล้ว
สมิทธิ, ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ไม่นาน เพียง 3 พรรษา
ปริพาชก ในเมื่อภิกษุใหม่เข้าใจการระแวดระวังศาสดาถึงอย่างนี้แล้วคราวนี้พวกเราจักพูดอะไร
กะภิกษุผู้เถระได้ ดูก่อนท่านสมิทธิ บุคคลทำกรรมชนิดที่ประกอบด้วยความจงใจแล้ว ด้วยกาย ด้วยวาจา
ด้วยใจ เขาจะเสวยอะไร
สมิทธิ, ดูก่อนโปตลิบุตรผู้มีอายุ เขาจะเสวยทุกข์
ลำดับนั้น ปริพาชกโปตลิบุตรไม่ยินดีไม่คัดค้านภาษิตของท่านพระสมิทธิ แล้วลุกจากอาสนะหลีกไป
ครั้นปริพาชกโปตลิบุตรหลีกไปแล้วไม่นาน ท่านพระสมิทธิเข้าไปหาท่านพระอานนท์ยังที่อยู่ แล้ว
ได้ทักทายปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว จึงบอกเรื่องเท่าที่ได้สนทนากับปริพาชกโปตลิบุตรทั้งหมดแก่ท่าน
พระอานนท์ เมื่อท่านพระสมิทธิบอกแล้วอย่างนี้ ท่านพระอานนท์จึงได้กล่าวกะท่านพระสมิทธิดังนี้ว่า
ดูก่อนท่านสมิทธิ เรื่องนี้มีเค้าพอจะเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ มาเถิด เราทั้งสองจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้ายังที่ประทับ แล้วกราบทูลเรื่องนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์แก่เราอย่างไร เรา
จึงทรงจำคำพยากรณ์นั้นไว้อย่างนั้น ท่านพระสมิทธิรับคำท่านพระอานนท์ว่า ชอบแล้วท่านผู้มีอายุ
ต่อจากนั้น ท่านพระสมิทธิและท่านอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับ แล้ว
ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้านั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านพระอานนท์ได้
กราบทูลเรื่องเท่าที่ท่านพระสมิทธิ ได้สนทนากับปริพาชกโปตลิบุตรทั้งหมด แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลแล้วอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะพระอานนท์ดังนี้ว่า
ดูก่อนอานนท์ แม้ความเห็นของปริพาชกโปตลิบุตร เราก็ไม่ทราบชัด ไฉนเล่า จะทราบชัดการสนทนากัน
เห็นปานนี้ได้ โมฆบุรุษสมิทธินี้แล ได้พยากรณ์ปัญหาที่ควรแยกแยะพยากรณ์ของปริพาชกโปตลิบุตรแต่
แง่เดียว
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วอย่างนี้ ท่านพระอุทายีได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ถ้าท่านพระสมิทธิกล่าวหมายทุกข์นี้แล้ว ไม่ว่าการเสวยอารมณ์ใดๆ ต้องจัดเข้าใน
ทุกข์ทั้งนั้น
196 DOU ก ก แ ห่ ง ก ร ร ม