อุปปัชชเวทนียกรรม: กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 117
หน้าที่ 117 / 214

สรุปเนื้อหา

อุปปัชชเวทนียกรรมเป็นกรรมที่ให้ผลในชาติหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจตนาและกรรมที่เกิดขึ้นในชาตินี้ โดยสามารถแบ่งได้เป็นสองฝ่ายคืออกุศลกรรมและกุศลกรรม ตามความเชื่อในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะบัญญัติในพระไตรปิฎกที่กล่าวถึงเรื่องราวต่างๆของอุปปัชชเวทนียกรรม นอกจากนี้ บทความนี้ยังแสดงการประยุกต์ของกรรมที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตปัจจุบันและผลของกรรมในอนาคต

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของอุปปัชชเวทนียกรรม
-ลักษณะของอุปปัชชเวทนียกรรม
-ประเภทของอุปปัชชเวทนียกรรม
-กรณีศึกษาจากพระไตรปิฎก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เพราะฉะนั้น ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมจะสามารถให้ผลในปัจจุบันชาตินี้ได้ ก็ต่อเมื่อประกอบด้วย ลักษณะทั้ง 4 ประการนี้ แต่ถ้าไม่ประกอบด้วยลักษณะทั้ง 4 ประการนี้ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมย่อมไม่ สามารถที่จะให้ผลเกิดขึ้นได้ในปัจจุบันชาตินี้ ซึ่งถ้าให้ผลไม่ได้ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรมทันที 5.2 อุปปัชชเวทนียกรรม 5.2.1 ความหมายของอุปปัชชเวทนียกรรม อุปปัชชเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า เป็นกรรมที่บุคคลกระทำแล้วย่อมได้รับ ผลแห่งกรรมที่ตนทำไว้ในชาติหน้าต่อจากชาตินี้อย่างแน่นอน 5.2.2 ลักษณะของอุปปัชชเวทนียกรรม อุปปัชชเวทนียกรรมเป็นกรรมที่ให้ผลในชาติที่ 2 นับจากชาติปัจจุบันนี้ ด้วยอำนาจเจตนาที่อยู่ใน ชวนจิตดวงที่ 7 หมายความว่า เมื่อบุคคลได้ทำอกุศลกรรม หรือกุศลกรรมในปัจจุบันชาตินี้ และเจตนาที่ อยู่ในชวนจิตดวงที่ 1 คือ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมไม่มีโอกาสที่จะให้ผลในชาตินี้ จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของ เจตนากรรมที่อยู่ในชวนจิตดวงที่ 7 คืออุปปัชชเวทนียกรรมที่จะให้ผลในชาติที่ 2 คือชาติที่เกิดต่อจากชาตินี้ ตามสมควรแก่กรรมที่ได้กระทำไว้ อุปปัชชเวทนียกรรมแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายเหมือนกับกรรมประเภทอื่น คือ 1) อุปปัชชเวทนียกรรมฝ่ายอกุศลกรรม ได้แก่ บาปชนิดหนัก คือ อนันตริยกรรม 5 และ นิตยมิจฉาทิฏฐิกรรม ดังกรณีศึกษาจากพระไตรปิฎก เรื่องปรโลกของนันทิยอุบาสกและนางเรวดี ในอดีตกาลที่กรุงพาราณสี มีตระกูลมั่งคั่งใหญ่โตตระกูลหนึ่ง เป็นตระกูลสัมมาทิฏฐิ มีความ เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อบุตรชายของตระกูลเศรษฐีนี้ที่ชื่อ นันทิยะ เจริญวัยขึ้น บิดามารดา จึงสู่ขอนางเรวดีมาเป็นสะใภ้ของตน แต่นางเป็นคนไม่มีศรัทธา มีความตระหนี่ นันทิยะจึงไม่ปรารถนาที่จะ แต่งงานด้วย บิดามารดาของเขาจึงออกอุบายให้นางเรวดีอยู่ในบ้านและให้นางแกล้งทำเป็นคนมีศรัทธา หมั่นอุปัฏฐากบำรุงพระภิกษุสงฆ์ นางจึงฝืนใจทำ ทั้งๆ ที่ใจจริงไม่ได้มีความเคารพเลื่อมใส นันทิยะเมื่อเห็น นางมีจิตเลื่อมใสแล้ว จึงยอมแต่งงานกับนาง เมื่อบิดามารดาของนายนันทิยะเสียชีวิตลง ความเป็นใหญ่ทุกอย่างในเรือนจึงตกอยู่กับนาง ส่วน นายนันทิยะได้บำเพ็ญทานอย่างเต็มที่เป็นประจำ ยิ่งทำก็ยิ่งมีศรัทธาเพิ่มขึ้น คราวหนึ่งเขาได้สร้างศาลา จตุรมุขหลังใหญ่ 4 หลัง ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พร้อมด้วยตั้งเตียง ที่นั่ง ที่นอน และอุปกรณ์ต่างๆ ครบถ้วนบริบูรณ์ ในวันฉลองศาลาได้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข เรื่องนายนันทิยะ, อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 419 บ ท ที่ 5 ก ร ร ม ห ม ว ด ที่ 3 ก ร ร ม ใ ห้ ผ ล ต า ม ก า ล เ ว ล า DOU 107
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More