ข้อความต้นฉบับในหน้า
บ้านเรือนหนีไปยังเมืองสาวัตถีอันเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล และได้พากันกราบทูลเรื่องราวแต่
พระราชาให้ทรงทราบ
พระราชาซึ่งทรงทราบเรื่องราวอยู่แล้ว ครั้นได้ฟังคำร้องทุกข์ของชาวเมือง จึงทรงรับสั่งให้เหล่า
อำมาตย์เตรียมการที่จะไปปราบโจรองคุลิมาล เมื่อปุโรหิตผู้เป็นบิดาของโจรทราบ จึงนำเรื่องราวไปบอกแก่
นางพราหมณีผู้เป็นภรรยา นางรู้สึกทุกข์มาก กลัวบุตรจะเป็นอันตรายจึงเดินทางเข้าไปยังป่าที่โจรองคุลิมาล
อยู่เพื่อจะบอกให้หลบหนี ซึ่งในวันนั้นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจข่ายพระญาณพิจารณาสัตวโลก
ตามพุทธวิสัย ทรงเห็นองคุลิมาลโจรมาปรากฏในข่ายพระญาณ เมื่อพิจารณาดูก็ทรงทราบว่า หาก
พระองค์เสด็จไปพบ แล้วแสดงธรรมแก่โจรนี้ เขาก็จะเกิดศรัทธาเลื่อมใสขอบรรพชาอุปสมบทเป็นพระ
ภิกษุและจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในภายหลัง แต่ถ้าหากเขาฆ่ามารดาของเขาก่อนก็จะเป็นมาตุฆาตซึ่ง
เป็นอนันตริยกรรม เป็นบาปหนักที่จะมาปิดกั้นเขาจากทางมรรคผล
เมื่อทรงทราบความทั้งปวงแล้ว พระพุทธองค์จึงเสด็จไปพบโจรองคุลิมาล เมื่อเขาเห็นพระพุทธองค์
จึงคว้าดาบไล่ตามหมายจะฆ่า แต่แม้จะวิ่งอย่างไรก็ไม่อาจตามทันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งนี้เป็นด้วย
พระองค์ทรงใช้ฤทธิ์เพื่อจะทรมานโจรองคุลิมาลให้เหนื่อยอ่อน เมื่อเขาอ่อนแรงลงได้ร้องบอกให้พระองค์หยุด
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตอบเขาว่า พระองค์หยุดแล้ว แต่เขาต่างหากที่ยังไม่หยุด เขารู้สึกขัดเคือง จึงต่อว่า
พระพุทธองค์ว่ากล่าวคำมุสาวาท พระพุทธองค์จึงตรัสตอบเขาไปว่า พระองค์พ้นจากเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกต่อไป ชื่อว่าหยุดแล้ว แต่ตัวเขามีใจหยาบช้าฆ่าคนล้มตายมากมาย
จะต้องได้รับทุกข์โทษในอบายภูมิเพราะบาปที่ทำไป และจะต้องเวียนว่ายตายเกิดรับทุกข์ทรมานใน
วัฏสงสารอีกยาวนานชื่อว่ายังไม่หยุด
โจรองคุลิมาลเมื่อฟังคำของพระพุทธองค์จึงกลับได้สตินึกพิจารณาว่า ผู้ที่สนทนากับตนน่าจะเป็น
เจ้าชายสิทธัตถะซึ่งได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งนี้เป็นเพราะอุปฆาตกกรรมฝ่ายกุศลตามมาทัน
จึงเกิดความเคารพเลื่อมใส ขว้างทิ้งอาวุธแล้วเข้าไปกราบพระบาทพระพุทธองค์ทูลขอบรรพชา ซึ่ง
พระองค์ก็ได้ประทานการบวชด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้แก่เขา เพราะทรงตรวจดูแล้วพบว่าเขาเคย
ถวายเครื่องอัฐบริขารให้แก่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลมาในอดีต
เมื่อโจรองคุลิมาลบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ท่านก็ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ ได้เข้าไปบิณฑบาตใน
พระนคร แต่เมื่อชนทั้งหลายเห็นท่านต่างก็จำได้จึงหวาดกลัวหลบหนีไม่มีใครถวายบิณฑบาตท่าน มิหนำซ้ำ
ยังขว้างปาด้วยก้อนหินและท่อนไม้ ทุกวันท่านจึงกลับจากบิณฑบาตด้วยบาตรเปล่า มีแต่รอยฟกช้ำและ
เลือดที่ไหลโทรมกายกลับพระวิหาร ทั้งนี้เป็นเพราะชาวเมืองโกรธแค้นที่ท่านเคยฆ่าญาติและบุคคลอันเป็น
ที่รักของพวกเขา แต่นานวันไปชาวบ้านก็เริ่มถวายอาหารท่าน และต่อมาท่านได้บำเพ็ญสมณธรรมจน
กระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
70 DOU ก า แ ห่ ง ก ร ร ม