ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต้องรักษาศีลและรักษาให้อยู่ในระดับที่ว่า แม้แต่คิดจะทำชั่วก็อย่าให้เกิดขึ้น ลักษณะแบบนี้เมื่อกายสงบจิต
ก็สงบ เมื่อเกิดกายและจิตสงบสมาธิจึงบังเกิด เมื่อสมาธิคือความตั้งมั่นแห่งจิตแน่วแน่มากเท่าไร แสงสว่าง
คือปัญญาก็เกิดขึ้นมากเท่านั้น ทำปัญญาให้เกิดขึ้นมากเท่าไรก็จะรู้แจ้งเรื่องโลกและชีวิต กฎแห่งกรรม
ตรงไปตามความเป็นจริงมากเท่านั้น
8.3 พระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องกฎแห่งกรรมและการให้ผลของกรรม
หลักกฎแห่งกรรมที่ว่า “บุคคลทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เขาย่อมได้รับผลของกรรมนั้น”
แม้ว่ามนุษย์ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารมานับภพนับชาติไม่ถ้วนก็ตามที ด้วยเหตุที่มนุษย์มีสติ
ปัญญาน้อยจึงไม่สามารถรู้เห็นกระบวนการของกฎแห่งกรรมนี้ไปตามความเป็นจริง เพราะถูกอวิชชาคือ
ความไม่รู้ ความมืดบอดปิดบัง ทำให้หลงลืมเรื่องราวความดีและความผิดพลาดของตนในอดีตชาติที่แล้วมา
ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมามักมีการตั้งคำถามชวนให้ปวดหัวว่า การทำดีจะได้ดี การทำชั่วได้จะชั่ว
จริงหรือ? ทำให้เกิดความสับสน เพราะในปัจจุบันนักศึกษาบางท่านอาจพบเห็นผู้กระทำความชั่วแต่ได้ดี
แต่ในทางกลับกัน ผู้กระทำความดีแต่ได้ชั่ว เมื่อศึกษากันอย่างลึกซึ้งจะพบว่า กฎแห่งกรรมเป็นเรื่อง
ซับซ้อนยากต่อการทำความเข้าใจด้วยสติปัญญาของปุถุชน ต้องอาศัยพระปัญญาธิคุณของพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะเปิดเผยไขปริศนาความลับนี้ให้กระจ่างแจ้ง
ในฐานะที่เป็นเมืองพระพุทธศาสนา ชาวพุทธจึงต้องรู้ ต้องศึกษา “หลักกฎแห่งกรรม” แม้ไม่ใช่
ชาวพุทธแต่มีความสนใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเข้ามาศึกษา เพราะธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้นั้นเป็น
เรื่องสากลที่ทุกคนต้องประสบ เนื่องจากเราเกิดไม่ทันพุทธสมัย แต่พระพุทธองค์ได้ทรงมอบกุญแจไข
ปริศนานี้ไว้ให้แล้ว มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกฝ่ายพระสูตร ซึ่งพระสูตรที่ว่าด้วยหลักกฎแห่งกรรมมีอยู่
เป็นจำนวนมาก แต่นำมาเพียงบางส่วนให้ศึกษาเฉพาะที่มีเนื้อความเป็นหลักสำคัญของเรื่องกฎแห่งกรรม
ดังพระสูตรต่อไปนี้
8.3.1 จูฬกัมมวิภังคสูตร ว่าด้วยกฎแห่งกรรม
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขต
พระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล สุภมาณพ โตเทยยบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับ แล้วได้
ทักทายปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้นั่ง ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
จูฬกัมมวิภังคสูตร, มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์, มก. เล่ม 23 หน้า 251-259
190 DOU กฎ แ ห่ ง ก ร ร ม