ความไม่ประมาทในการดำรงชีวิตและการคลายความกิเลส GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 197
หน้าที่ 197 / 214

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอหลักธรรมที่เกี่ยวกับความไม่ประมาทในการดำรงชีวิต โดยชี้ให้เห็นว่า กิเลสต่างๆ เช่น ความโลภ ความโกรธ และความหลง ส่งผลกระทบต่อความสามารถและศักยภาพของมนุษย์ ทั้งยังเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิ ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่ความเฉลียวฉลาดและคุณธรรม การมีชีวิตอย่างไม่ประมาทนั้นมีค่าเหนือกว่าการใช้ชีวิตอย่างไร้สติ และทำให้สามารถสร้างบารมีและความดีได้มากขึ้น แม้จะต้องใช้ชีวิตด้วยความทะเยอทะยาน มีความชัดเจนในวิถีทางที่ถูกต้อง แต่ต้องรู้จักให้เวลากับเรื่องที่สำคัญ เช่น การทำบุญ ทำความดี และเรียนรู้จากพระธรรมคำสอน เพื่อรักษาความสุขและความเจริญในชีวิต.

หัวข้อประเด็น

- ความไม่ประมาทในชีวิต
- กิเลสและผลกระทบ
- วิธีการแก้ไขความโลภและความโกรธ
- หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
- การสร้างบารมีและความดี

ข้อความต้นฉบับในหน้า

รอยบัณฑิตนักปราชญ์ก็สามารถพลิกผันชีวิตให้กลับมาดีได้ ดังที่กล่าวไว้เราทุกคนหมุนเวียนเปลี่ยนตาย เกิดมาแล้วทุกสถานภาพ จึงตั้งคำถามว่า ความไม่ประมาทในการดำรงชีวิตคืออะไร เป็นอย่างไร? ดังที่ทราบสิ่งที่ครอบงำ ทำให้เกิดความประมาท คือ กิเลส ได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือจะเรียกว่าอวิชชาก็ได้ ทั้งหมด นี้มีไว้ทำลายความสามารถ ศักยภาพและคุณภาพของความเป็นมนุษย์ให้หมดสิ้น ความโลภทำให้ตระหนี่ หวงแหนทรัพย์จึงทำให้เสื่อมจากทรัพย์สมบัติ ความโกรธทำให้เกิดความขุ่นเคืองพยาบาทปองร้ายจึงทำให้ เสื่อมจากรูปสมบัติ คือ ความหล่อ ความสวย ผิวพรรณ ดูเวลาที่คนหล่อคนสวยเมื่อโกรธหน้าตาก็ดูไม่ได้ เหมือนกัน ความหลงทำให้เกิดความคิดเห็นผิด หลงเชื่อ ความงมงายจึงทำให้เสื่อมจากคุณสมบัติ คือ ขาดสติปัญญา เมื่อหลักการแห่งเหตุและผลเป็นเช่นนี้ คราวที่พระพุทธองค์ตรัสรู้เห็นกิเลสตัณหาคือ ฉากหลังที่ครอบงำหมู่สัตว์ทั้งหมดไว้ในวัฏสงสารให้ดำรงชีวิตอย่างประมาทคือขาดสติยับยั้ง ทรงรู้แจ้ง แทงตลอดเห็นอุปกรณ์ที่ใช้ครอบงำคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงทรงใช้พุทธวิธี แก้ไขความโลภ ด้วยทานทำให้มีทรัพย์สมบัติ แก้ไขความโกรธด้วยความเมตตาและรักษาศีลทำให้มีรูปสมบัติ แก้ไข ความหลงด้วยสมาธิทำให้เกิดคุณสมบัติ จนเกิดเป็นพุทธิปัญญารู้แจ้งตามพระองค์ หมายความว่า พระธรรมคำสอน 84,000 พระธรรมขันธ์ สรุปเป็นหมวดทาน หมวดศีล หมวดสมาธิ หมวดปัญญา และ ทุกหมวดจัดเป็นมรรคมีองค์ 8 ทางปฏิบัติสายกลาง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และทั้งหมดสรุปรวมเป็น หนึ่งเดียวคือความไม่ประมาท ทรงเปรียบเหมือนรอยเท้าช้างเป็นที่ประชุมลงรวมของรอยเท้าสัตว์ทั้งปวง ซึ่งผู้ที่บังเกิดมาพรั่งพร้อมอยู่ในความพอเหมาะพอดีด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ และคุณสมบัติ จะทำให้ สะดวกต่อการสร้างบารมีสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะถ้าไม่มีทรัพย์สมบัติแล้วเวลาทั้งชีวิตก็ไม่พอที่ จะหาทรัพย์ให้มีมากๆ หรือถ้าพิการ ปัญญาอ่อน ยิ่งสร้างความดีลำบากเข้าไปอีก เพราะลำพังดูรักษาตัวเอง ก็หมดเวลาเสียแล้ว ชีวิตบางคนเห็นทุกข์ก็จมอยู่กับทุกข์ แต่บางคนชีวิตอยู่สุขสบายกลับเห็นทุกข์ ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่ทรงเสวยราชสมบัติเพียบพร้อมทุกสิ่งแต่ทรงเห็นโทษภัยของสิ่งเหล่านั้น หรือว่าบางทีดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ บางท่านรู้ว่าทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ เป็นความดีแต่ก็อ้างว่าไม่มี เวลาบ้าง ทำงานมาเหนื่อยแล้วอยากพักผ่อนบ้าง เห็นทางอยู่ข้างหน้าแต่ไม่เดินก็มี กลับไปเดินอีกทางตาม ที่ตนเองคิดว่าดี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะดีจริงอย่างที่คิดหรือไม่ ฉะนั้นจะต้องมีโยนิโสมนสิการ รู้จักจับแง่คิดมุมมอง การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทเพียงวันเดียวถือว่าได้ดำเนินชีวิตอย่างประเสริฐมากกว่าการดำรง ชีวิตอยู่ร้อยปีแต่อยู่อย่างประมาท 11) ทรัพย์สมบัติ ได้แก่ ความร่ำรวย ความมั่งคั่ง 2) รูปสมบัติ ได้แก่ ความงดงามความสมบูรณ์พร้อมของ อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย เช่น ความหล่อ ความสวย ผิวพรรณ ความไม่พิการ 3) คุณสมบัติ ได้แก่ ความเฉลียวฉลาด ไหวพริบปฏิภาณ สติปัญญา * ปฐมอัปปมาทสูตร, สังยุตตนิกาย สคาถวรรค, มก. เล่ม 24 ข้อ 379 หน้า 479 * สหัสสวรรคที่ 1-8, ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 41 ข้อ 18 หน้า 415 บทที่ 8 บ ท ส รุ ป ส า ร ะ สำ คั ญ กฎ แ ห่ ง ก ร ร ม เชิงสัมพันธ์ DOU 187
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More