ข้อความต้นฉบับในหน้า
รอยบัณฑิตนักปราชญ์ก็สามารถพลิกผันชีวิตให้กลับมาดีได้ ดังที่กล่าวไว้เราทุกคนหมุนเวียนเปลี่ยนตาย
เกิดมาแล้วทุกสถานภาพ
จึงตั้งคำถามว่า ความไม่ประมาทในการดำรงชีวิตคืออะไร เป็นอย่างไร? ดังที่ทราบสิ่งที่ครอบงำ
ทำให้เกิดความประมาท คือ กิเลส ได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือจะเรียกว่าอวิชชาก็ได้ ทั้งหมด
นี้มีไว้ทำลายความสามารถ ศักยภาพและคุณภาพของความเป็นมนุษย์ให้หมดสิ้น ความโลภทำให้ตระหนี่
หวงแหนทรัพย์จึงทำให้เสื่อมจากทรัพย์สมบัติ ความโกรธทำให้เกิดความขุ่นเคืองพยาบาทปองร้ายจึงทำให้
เสื่อมจากรูปสมบัติ คือ ความหล่อ ความสวย ผิวพรรณ ดูเวลาที่คนหล่อคนสวยเมื่อโกรธหน้าตาก็ดูไม่ได้
เหมือนกัน ความหลงทำให้เกิดความคิดเห็นผิด หลงเชื่อ ความงมงายจึงทำให้เสื่อมจากคุณสมบัติ คือ
ขาดสติปัญญา เมื่อหลักการแห่งเหตุและผลเป็นเช่นนี้ คราวที่พระพุทธองค์ตรัสรู้เห็นกิเลสตัณหาคือ
ฉากหลังที่ครอบงำหมู่สัตว์ทั้งหมดไว้ในวัฏสงสารให้ดำรงชีวิตอย่างประมาทคือขาดสติยับยั้ง ทรงรู้แจ้ง
แทงตลอดเห็นอุปกรณ์ที่ใช้ครอบงำคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงทรงใช้พุทธวิธี แก้ไขความโลภ
ด้วยทานทำให้มีทรัพย์สมบัติ แก้ไขความโกรธด้วยความเมตตาและรักษาศีลทำให้มีรูปสมบัติ แก้ไข
ความหลงด้วยสมาธิทำให้เกิดคุณสมบัติ จนเกิดเป็นพุทธิปัญญารู้แจ้งตามพระองค์ หมายความว่า
พระธรรมคำสอน 84,000 พระธรรมขันธ์ สรุปเป็นหมวดทาน หมวดศีล หมวดสมาธิ หมวดปัญญา และ
ทุกหมวดจัดเป็นมรรคมีองค์ 8 ทางปฏิบัติสายกลาง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และทั้งหมดสรุปรวมเป็น
หนึ่งเดียวคือความไม่ประมาท ทรงเปรียบเหมือนรอยเท้าช้างเป็นที่ประชุมลงรวมของรอยเท้าสัตว์ทั้งปวง
ซึ่งผู้ที่บังเกิดมาพรั่งพร้อมอยู่ในความพอเหมาะพอดีด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ และคุณสมบัติ จะทำให้
สะดวกต่อการสร้างบารมีสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะถ้าไม่มีทรัพย์สมบัติแล้วเวลาทั้งชีวิตก็ไม่พอที่
จะหาทรัพย์ให้มีมากๆ หรือถ้าพิการ ปัญญาอ่อน ยิ่งสร้างความดีลำบากเข้าไปอีก เพราะลำพังดูรักษาตัวเอง
ก็หมดเวลาเสียแล้ว ชีวิตบางคนเห็นทุกข์ก็จมอยู่กับทุกข์ แต่บางคนชีวิตอยู่สุขสบายกลับเห็นทุกข์ ดังเช่น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่ทรงเสวยราชสมบัติเพียบพร้อมทุกสิ่งแต่ทรงเห็นโทษภัยของสิ่งเหล่านั้น
หรือว่าบางทีดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ บางท่านรู้ว่าทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ เป็นความดีแต่ก็อ้างว่าไม่มี
เวลาบ้าง ทำงานมาเหนื่อยแล้วอยากพักผ่อนบ้าง เห็นทางอยู่ข้างหน้าแต่ไม่เดินก็มี กลับไปเดินอีกทางตาม
ที่ตนเองคิดว่าดี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะดีจริงอย่างที่คิดหรือไม่ ฉะนั้นจะต้องมีโยนิโสมนสิการ รู้จักจับแง่คิดมุมมอง
การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทเพียงวันเดียวถือว่าได้ดำเนินชีวิตอย่างประเสริฐมากกว่าการดำรง
ชีวิตอยู่ร้อยปีแต่อยู่อย่างประมาท
11) ทรัพย์สมบัติ ได้แก่ ความร่ำรวย ความมั่งคั่ง 2) รูปสมบัติ ได้แก่ ความงดงามความสมบูรณ์พร้อมของ
อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย เช่น ความหล่อ ความสวย ผิวพรรณ ความไม่พิการ 3) คุณสมบัติ ได้แก่ ความเฉลียวฉลาด
ไหวพริบปฏิภาณ สติปัญญา
* ปฐมอัปปมาทสูตร, สังยุตตนิกาย สคาถวรรค, มก. เล่ม 24 ข้อ 379 หน้า 479
* สหัสสวรรคที่ 1-8, ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 41 ข้อ 18 หน้า 415
บทที่ 8 บ ท ส รุ ป ส า ร ะ สำ คั ญ กฎ แ ห่ ง ก ร ร ม เชิงสัมพันธ์ DOU 187