ข้อความต้นฉบับในหน้า
5.4 อโหสิกรรม
5.4.1 ความหมายของอโหสิกรรม
อโหสิกรรม คือ อกุศลกรรมหรือกุศลกรรมที่ให้ผลเสร็จแล้ว หรือเป็นกรรมที่รอให้ผลอยู่ แต่ไม่มี
โอกาสให้ผล หากว่าล่วงเลยเวลาในการให้ผลก็จะเป็นอโหสิกรรมไป คือ เลิกให้ผล เพราะไม่มีโอกาสให้ผล
ได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
5.4.2 ลักษณะของอโหสิกรรม
จากความหมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น อาจเปรียบอโหสิกรรมเหมือนเมล็ดพืชที่เก็บไว้นานเกินไป
หรือถูกคั่วให้สุกด้วยไฟแล้ว
เมล็ดพืชนั้นเมื่อนำไปปลูกก็ไม่สามารถเจริญงอกงามขึ้นได้แม้ว่าได้ดินได้น้ำดี
เพียงใดก็ตาม อโหสิกรรมก็เช่นกันไม่สามารถจะให้ผลได้ หรือหยุดการให้ผล เพราะอกุศลกรรมหรือกุศล
กรรมนั้นได้ให้ผลไปแล้ว หรือเพราะไม่สามารถให้ผลได้ หรือเพราะไม่มีโอกาสที่จะให้ผล ซึ่งในหนังสือ
อภิธรรมปริจเฉทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องวิถีมุตตสังคหวิภาค ได้อ้างถึงอโหสิกรรมในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคบาลี
ที่แสดงไว้ว่า
1. อโหสิกมุม์ นาโหสิกมุมวิปาโก กรรมที่ได้ให้ผลแล้ว คือผลกรรมในอดีตชาติที่ให้ผลแก่บุคคล
ที่กระทำอกุศลกรรมหรือกุศลกรรมนั้นให้ได้รับทุกข์สุขแล้ว เช่น ได้ตกนรกไปแล้ว หรือไปเกิดบนสวรรค์แล้ว
กรรมนั้นย่อมเป็นอโหสิกรรม หรือเมื่อกรรมที่มีกำลังมากกว่าให้ผลแล้ว กรรมที่มีกำลังน้อยรองลงมาก็เลิก
ให้ผล เช่น ได้ตติยฌานกุศลกรรม ปฐมฌานกุศลกรรม และทุติยฌานกุศลกรรม ซึ่งเป็นกรรมที่มีกำลัง
น้อยกว่าก็ไม่สามารถให้ผลได้ จึงเป็นอโหสิกรรมไป
2. อโหสิกมุม นตฺถิกมุมวิปาโก กรรมที่ไม่ให้ผล คือผลของอกุศลกรรมหรือกุศลกรรมที่บุคคลได้
กระทำไว้แล้วในชาติปัจจุบัน แต่ไม่สามารถให้ผลแก่บุคคลที่กระทำอกุศลกรรมหรือกุศลกรรมให้ได้รับทุกข์สุข
เช่น กิริยาจิต แม้จะกระทำสักเท่าใดก็ตาม ก็เป็นกิริยาทั้งหมด ไม่ทำให้เกิดวิบาก และไม่สามารถให้ผลได้
จึงเป็นอโหสิกรรม หรือในบางครั้งมีกรรมอื่นที่มีโอกาสได้ช่องในการให้ผล หมายถึง กุศลกรรมที่บุคคลได้
กระทำไว้หยุดให้ผลชั่วคราว เนื่องจากเขาได้กระทำอกุศลกรรมที่ร้ายแรงมาก จึงเปิดโอกาสให้อกุศลกรรม
ที่มีกำลังแรงให้ผลก่อน กุศลกรรมที่บุคคลกระทำไว้จึงกลายเป็นอโหสิกรรม หรือถ้าขณะที่อกุศลกรรม
กำลังให้ผลอยู่ก็จะหยุดให้ผลชั่วคราว เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำกุศลกรรมที่มีกำลังแรง จึงเปิดโอกาสให้กุศล
กรรมที่มีกำลังแรงให้ผลก่อน อกุศลกรรมที่กำลังให้ผลอยู่จึงกลายเป็นอโหสิกรรม
3. อโหสิกมุม นภวิสฺสติกมุมวิปาโก หมายถึง ผลของกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมในชาติอนาคต
ขุนสรรพกิจโกศล, ปริจเฉทที่ 5 วิถีมุตตสังคหวิภาค, (กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2534), หน้า 55
112 DOU ก ก แ ห่ ง ก ร ร ม