กฎแห่งกรรมและการเกิดใหม่ในพระพุทธศาสนา GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 195
หน้าที่ 195 / 214

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้พูดถึงกฎแห่งกรรมและผลกระทบที่มีต่อชีวิตทั้งในปัจจุบันและในอนาคต การสร้างบุญกุศลยังส่งผลต่อการเกิดใหม่และความสุขหรือทุกข์ในชาติถัดไป รวมถึงการศึกษาหลักการโอปปาติกะ ส่วนนี้เน้นการให้ความรู้แก่ผู้อื่นเพื่อไม่ประมาทในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะความเข้าใจในเรื่องการทำดีทำชั่วและผลที่ตามมาในนรกและสวรรค์ เพื่อให้ผู้คนมีปัญญาและรู้แจ้งการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักศาสนา ซึ่งเป็นแนวทางสู่การบรรลุธรรมและการเข้าถึงพระนิพาน.

หัวข้อประเด็น

-กฎแห่งกรรม
-การเกิดใหม่
-การทำบุญ
-การสอนและการเรียนรู้ในพระพุทธศาสนา
-โอปปาติกะ
-การปฏิบัติธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

มัว เพราะถ้าเกิดการโต้ตอบกันและกันจะทำให้เกิดผูกเวรต่อกัน คือ เอาตัวเองเข้าไปผูกกับเรื่องร้ายๆ นั้น เมื่อเวียนว่ายตายเกิดมาบรรจบกันเวรที่ผูกไว้ก็ออกฤทธิ์ทำให้เกิดการอาฆาตพยาบาทสร้างกรรมชั่วกันต่อ ไปไม่รู้จบ 1.2) กรณีถูกยั่วเย้าจากสิ่งเร้าภายนอก คือ อบายมุขต่างๆ นานา หลากหลายรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมายั่วเย้าให้คนอยากเสพอยากลอง ถ้ามีหิริโอตตัปปะก็จะห้ามใจตนเองได้เพราะรู้ว่าไม่ ดีมีโทษทั้งชาตินี้ชาติหน้า 2) ทำให้เกิดกำลังใจในการสร้างบุญกุศล เพราะทราบแล้วว่าชีวิตหลังความตายมีอยู่ และ มี 2 แบบ คือ แบบสุคติ กับแบบทุคติ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะประกอบกุศลกรรมเบื้องต้นเพื่อนำพา ตนเองไปสุคติภูมิ เบื้องสูงคือบรรลุมรรคผลนิพพานพ้นจากอำนาจการควบคุมของกิเลสอาสวะ หลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร เพราะฉะนั้น จากการศึกษาทำให้นักศึกษาทราบว่า การเกิดแบบโอปปาติกะนี้เป็นได้เฉพาะกาย ละเอียด มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถรู้เห็นกระบวนการไปเกิดมาเกิดได้ จึงมีอิทธิพลส่งผลต่อความเชื่อเรื่อง โลกนี้โลกหน้า เรื่องกฎแห่งกรรมอย่างยิ่ง จะผิดจะพลาดก็อยู่ที่ตรงนี้ และเมื่อมีความรู้เรื่องโอปปาติกะแล้ว จะทำให้ไม่เกิดความประมาทพลั้งเผลอในการดำรงชีวิต เพราะมีจิตใจใฝ่ดีถึงแม้จะมีอุปสรรคก็ไม่ย่อท้อ ไม่ ยอมเสี่ยงกับการเบียดเบียนผู้อื่นเพื่อให้ตนเองสบาย จะพยายามฝ่าฟันอุปสรรคนั้นๆ และละเว้นความชั่ว ทั้งปวง โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ด้วยเหตุนี้จะทำให้เราตักเตือนสั่งสอนตนเองและแนะนำผู้อื่นได้ว่า ความ ชั่วแม้เพียงน้อยก็จะไม่ทำ แต่ความดีแม้เพียงน้อยก็จะทำให้เต็มที่เต็มกำลังสุดความสามารถ นี้จัดเป็น สัมมาทิฏฐิข้อที่ 9 โอปปาติกะหรือสัตว์ผุดเกิดขึ้นมี หมายความว่า เชื่อในเรื่องการทำความดีความชั่วมีผล ทำให้บังเกิดในนรกสวรรค์ซึ่งเป็นภพภูมิที่อยู่ของพวกโอปปาติกะ 10. สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ผู้รู้แจ้งเรื่องโลกนี้โลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามมีอยู่ คือ วิถีหนทางปฏิบัติสู่การบรรลุธรรมมีอยู่ ผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์จึงมีอยู่ เพราะตราบใดที่ยังมีผู้มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 เมื่อนั้นโลกจะไม่สิ้นจาก พระอรหันต์ ผู้ที่จะมีปัญญารู้แจ้งโลกนี้โลกหน้านั้นแยกเป็น 2 นัย ดังนี้ นัยที่ 1 คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นัยที่ 2 คือ พระอรหันตสาวก จากการศึกษาพบว่า เหตุที่ตรัสทิฏฐิข้อนี้ก็เพราะประสงค์ชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่รู้แจ้งโลกนี้โลกหน้า มีอยู่จริง ไม่ใช่มีแต่นักคิดนักวิจารณ์ บุคคลที่จะรู้แจ้งจะต้องเป็นสมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแบบ ทุ่มเทชีวิตจิตใจทำอย่างจริงจัง มีอัธยาศัยในการสั่งสอนแนะนำ และความรู้แจ้งนี้ไม่ผูกขาดเฉพาะใคร คนใดคนหนึ่ง แต่มนุษย์ทุกคนมีความสามารถและมีศักยภาพที่จะทำได้ ซึ่งจะต้องประกอบด้วยความเพียร บทที่ 8 บ ท ส รุ ป ส า ร ะ สำ คั ญ กฎ แ ห่ ง ก ร ร ม เชิงสัมพันธ์ DOU 185
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More