ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลังจากนั้นพระเทวทัตจึงได้เข้าไปหาพรรคพวกมีพระโกกาลิกะเป็นต้น แล้วบอกว่า ตนจะทำ
สังฆเภทโดยการทูลขอวัตถุ 5 ประการนี้กับพระศาสดา แล้วจึงไปเข้าเฝ้าพระศาสดาเพื่อทูลขอวัตถุ 5 ประการ
โดยอ้างเหตุเพื่อให้เป็นผู้มักน้อย สันโดษ เป็นต้น แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตและทรงให้ภิกษุทั้งหลาย
ปฏิบัติตามความปรารถนาของตน ซึ่งเมื่อพระพุทธองค์ตรัสแล้วพระเทวทัตกลับปีติใจ นำเอาความนั้นไป
ประกาศแก่หมู่สงฆ์ ทำให้หมู่สงฆ์แตกออกเป็น 2 พวก คือ พวกที่ไร้ปัญญาก็มีความเห็นดีงามกับพระเทวทัต
ส่วนพวกที่มีปัญญาก็กล่าวติเตียนพระเทวทัต
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบความก็ตรัสห้ามพระเทวทัต แต่พระเทวทัตก็ไม่ได้หยุดการกระทำของตน
กลับเข้าไปบอกพระอานนท์ว่าตนจะแยกทำสังฆกรรมต่างหาก เมื่อถึงวันอุโบสถพระเทวทัตก็ได้ประกาศ
ท่ามกลางสงฆ์เพื่อให้ภิกษุทั้งหลายจับสลากเลือกว่าจะอยู่กับฝ่ายใด จึงทำให้พระวัชชีบุตร 500 รูป ซึ่งเป็น
ผู้บวชใหม่หลงเชื่อถ้อยคำและได้ตามพระเทวทัตออกไปอยู่ที่คยาสีสะ แต่พระพุทธองค์ก็ได้ให้พระสารีบุตร
และพระมหาโมคคัลลานะไปตามภิกษุเหล่านั้นกลับมา ซึ่งพระอัครสาวกทั้งสองก็สามารถไปตามภิกษุ
เหล่านั้นกลับมาได้ พร้อมกับทำให้มีความเห็นที่ถูกต้อง
เมื่อพระเทวทัตทราบความนั้น โลหิตร้อนได้พุ่งออกจากปากของพระเทวทัตทันที ซึ่งภายหลัง
พระเทวทัตสำนึกผิดจึงเดินทางเพื่อจะมาเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาแต่ยังไม่ทันมาถึงที่ประทับของพระพุทธองค์
แผ่นดินได้สูบพระเทวทัตลงไปสู่อเวจีมหานรกในขณะนั้นนั่นเอง
พระเทวทัตผู้อยากเป็นใหญ่ จึงอยากจะปกครองสงฆ์ โดยได้วางแผนร่วมมือกับอชาตศัตรูกุมาร
เพื่อปลงพระชนม์พระพุทธองค์ แต่เมื่อทำไปแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรพระพุทธองค์ได้ จึงได้ทำสังฆเภท
แยกพระภิกษุออกมาอีกกลุ่มหนึ่งต่างหาก ซึ่งการกระทำของพระเทวทัตเป็นอนันตริยกรรม ด้วยผลกรรม
นี้จึงทำให้พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบลงไปสู่อเวจีมหานรกได้รับโทษอย่างยาวนาน
อนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้ อาจจะกล่าวโดยสรุปได้อย่างนี้ คือ มาตุฆาต ปิตุฆาต อรหันตฆาต
และโลหิตุปบาท เป็นสาธารณอนันตริยกรรม คือเป็นอนันตริยกรรมที่ทำได้ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ส่วน
สังฆเภทเป็นอสาธารณอนันตริยกรรม คือเป็นอนันตริยกรรมที่เฉพาะพระภิกษุเท่านั้น จึงจะกระทำสังฆเภทได้
บุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระภิกษุไม่อาจทำอนันตริยกรรมที่เป็นสังฆเภทได้ ดังเช่นที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับ
พระอุบาลีว่า
1
“ดูก่อนอุบาลี ภิกษุณีทำลายสงฆ์ย่อมไม่ได้ แต่พยายามเพื่อจะทำลายได้ สิกขมานาก็ทำลาย
วัตถุ 5 ประการ คือ
1. ภิกษุทั้งหลายพึงถือการอยู่ป่าเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดอาศัยบ้านอยู่ รูปนั้นจึงต้องโทษ
2. ภิกษุทั้งหลายพึงถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดยินดีกิจนิมนต์ รูปนั้นจึงต้องโทษ
3. ภิกษุทั้งหลายพึงถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดยินดีคหบดีจีวร รูปนั้นจึงต้องโทษ
4. ภิกษุทั้งหลายพึงถือการอยู่โคนไม้เป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดเข้าอาศัยที่มุงที่บัง รูปนั้นจึงต้องโทษ
5. ภิกษุทั้งหลายไม่พึงฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต รูปใดฉันปลาและเนื้อ รูปนั้นจึงต้องโทษ
84 DOU กฎ แ ห่ ง ก ร ร ม