การบรรลุทิพพโสตอภิญญาและอุปปีฬกกรรมในพระพุทธศาสนา GL 203 กฎแห่งกรรม หน้า 73
หน้าที่ 73 / 214

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงความปรารถนาของพระสุนักขัตตะในการบรรลุทิพพโสตอภิญญาและเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุได้ โดยอุปปีฬกกรรมที่เกิดจากอดีตได้แสดงถึงการสูญเสียแนวทางภายในพระพุทธศาสนาและการหันไปหาศาสนาใหม่ ทำให้ส่งผลกระทบถึงการเกิดในนรก เนื้อหายังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของกรรมและผลกระทบที่มีต่อการปฏิบัติธรรมจากมุมมองของพระพุทธศาสนา

หัวข้อประเด็น

- ทิพพโสตอภิญญา
- อุปปีฬกกรรม
- การพัฒนาตนในพระพุทธศาสนา
- สาเหตุของการไม่บรรลุอภิญญา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

โลกุตรภูมิ แต่ท่านมีความปรารถนาที่จะบรรลุอภิญญาอันดับถัดไปคือทิพพโสตอภิญญาเสียก่อน จึงเข้าเฝ้า พระพุทธองค์ เพื่อทูลขอกรรมฐานในการที่จะใช้ทำภาวนาให้ได้ทิพพโสตอภิญญา ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรง ประทานให้ แต่ไม่ทรงประทานอุบายวิธี เหตุที่พระองค์ไม่ประทานอุบายวิธีเพราะทรงทราบว่า พระภิกษุ ด้วยเหตุนี้ สุนักขัตตะจักถูกอุปปีฬกกรรมที่เคยตบหูสามเณรมาเบียดเบียนไม่ให้บรรลุทิพพโสตอภิญญา พระองค์จึงประทานเพียงบริกรรมภาวนา ไม่ประทานอุบายวิธี พระสุนักขัตตะเมื่อได้บริกรรมภาวนาแล้วก็ตั้งใจลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดทิพพโสตอภิญญา แต่แม้ จะลงมือปฏิบัติด้วยความอุตสาหะเพียงไร ก็ไม่อาจบรรลุทิพพโสตอภิญญาได้ ทั้งนี้เพราะกรรมที่เคยตบหู สามเณรในอดีตชาติตามมาเป็นอุปปีฬกกรรมขวางกั้นมิให้บรรลุ ท่านปฏิบัติด้วยความเพียรอยู่นานถึง 3 ปี ก็ไม่อาจบรรลุทิพพโสตอภิญญาได้ ต่อมาอุปปีฬกกรรมฝ่ายอกุศลทำให้ท่านเกิดความคิดวิปริตว่า เหตุที่ ท่านไม่บรรลุทิพพโสตอภิญญาทั้งๆ ที่ตั้งใจลงมือปฏิบัติเป็นเวลานานถึง 3 ปี ผิดกับการบรรลุทิพพจักขุ อภิญญาที่บำเพ็ญภาวนาเพียง 2-3 วันก็บรรลุ คงเป็นเพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความรู้เพียงทิพพจักขุ อภิญญาเท่านั้น ไม่มีความรู้ถึงขั้นทิพพโสตอภิญญา เพราะครั้งที่ทรงบอกบริกรรมภาวนาเพื่อบำเพ็ญให้ บรรลุทิพพจักขุอภิญญานั้นทรงบอกให้สำเร็จด้วยเวลาอันรวดเร็ว แต่เมื่อมาบำเพ็ญทิพพโสตอภิญญา แม้พระองค์จะทรงทราบว่าตนติดขัดไม่อาจบรรลุได้เป็นเวลานาน ก็ทรงนิ่งเฉย ไม่ทรงบอกอุบายใดๆ จากแค่เป็นเพียงความสงสัยที่คิดในใจ ครั้นยังพยายามสู้บำเพ็ญภาวนาอยู่นั้นก็ไม่สามารถที่จะ บรรลุทิพพโสตอภิญญาได้ จึงเกิดความเบื่อหน่าย เลยด่วนสรุปว่าพระพุทธองค์มีความรู้เพียงทิพพจักขุ อภิญญาเท่านั้น อภิญญาอื่นๆ ตลอดจนโลกุตรธรรมและมรรคผลนิพพานที่พระองค์ทรงเทศนาสั่งสอน คนทั้งหลายนั้นเป็นโมฆะ พระองค์หาทรงมีความรู้นั้นไม่ แม้พระสงฆ์สาวกทั้งหลายที่เข้าใจกันว่าสำเร็จ โลกุตรธรรมเป็นพระอรหันต์นั้นก็ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น อย่างมากก็เพียงบรรลุทิพพจักขุอภิญญาเท่านั้น เมื่อท่านมีความเห็นเป็นเช่นนั้น จึงสรุปเอาว่าพระพุทธศาสนาที่ตนเคารพบูชาอยู่นั้นมีความดี สูงสุดเพียงทิพพจักขุอภิญญาจะอยู่ในพระศาสนาไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้ไปแสวงหาคุณวิเศษในศาสนาอื่นดีกว่า คิดดังนั้นแล้ว ก็บอกคืนสิกขา กล่าวคำอำลาพระรัตนตรัยว่า “ขอลาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์รู้ไว้ว่า ท่านมิได้ปฏิบัติในพระพุทธศาสนาสืบไป จะขอเป็นคฤหัสถ์ไปปฏิบัติธรรมภายนอก พระพุทธศาสนา” เมื่อลาสิกขาแล้ว ก็ได้เที่ยวเสาะแสวงหาศาสดาอื่น ในที่สุดได้ไปสู่สำนักของนิครนถนาฏบุตรซึ่ง เป็นเดียรถีย์ภายนอกพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดมิจฉาทิฏฐิในใจ เมื่อเสียชีวิตด้วยความเป็นมิจฉาทิฏฐิ จึง เป็นผลทำให้ต้องไปเกิดในนรก พระสุนักขัตตลิจฉวีเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจนกระทั่งได้ออกบวช ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม แต่ ก็ไม่สามารถที่จะบรรลุทิพพโสตได้ตามที่ใจปรารถนา เพราะอกุศลกรรมในอดีตชาติที่เคยตบหูของสามเณร ด้วยความโกรธ อกุศลกรรมนี้จึงเป็นอุปปีฬกกรรมที่มาตัดรอนให้พระสุนักขัตตลิจฉวีไม่สามารถบรรลุทิพพ บ ท ที่ 3 ก ร ร ม ห ม ว ด ที่ 1 ก ร ร ม ใ ห้ ผ ล ต า ม ห น้ า ที่ DOU 63
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More