ข้อความต้นฉบับในหน้า
การที่จะรู้ว่างร่างกายของคนอื่นนี้เป็นปฏิกูลด้วยเหมือนอย่างของเรานั้น หากตั้งสติให้ดี เราก็สามารถสังเกตเห็นได้จากคนรอบตัว จากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแต่ละคน เช่น เมื่ออากาศร้อนคนทั่วไปจะมีเหงื่อไหลตามร่างกาย บางคนจะมีกลิ่นเหม็นรุนแรง หากไม่มั่นทำความสะอาดก็จะเกิดสิวหรือคราบโคลตามจุดต่างๆ ของร่างกาย หรือบางท่านดูแลสุขภาพปากไม่ดีอาจจะมีกลิ่นปากเกิดจากการตกค้างของเชื้ออาหาร หรือบางท่านทานอาหารอิ่มมากเกินไป เกิดอาการท้องอืดเอา เธอเหม็นเปรี้ยวหรือยอมออกมาจนเป็นที่รังเกียจของรอบข้าง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสังขารร่างกายของคนนี้ก็เป็นสิ่งปฏิกูลเหมือนอย่างของเรา เป็นเหมือนถุงหนังที่ภายในเต็มไปหมด ดังนั้นเราจึงไม่ควรอมองเห็นว่างามและพยายามรักษาใจของเราให้ผ่องใสบริสุทธิ์อยู่เสมอ เพื่อเวลานั่งสมาธิจะได้หยุดนั่งได้ง่ายยิ่งขึ้นไป
พระขนายทธ์ อานนฺโท
ลูกจะมองย้อนกลับมาตีวัตก่อน แล้วพิจารณาให้เห็นความเป็นปฏิกูลในร่างกาย ตั้งแต่ภายนอกเข้ามาข้างใน เช่น ผิวหนังของลูกถ้ามองเข้าไปลึกๆ หรือเอาแว่นขยายามส่องดู ผิวที่เคยเห็นว่ามีเนียนเรียบ ใส ไร้รอย ก็จะเห็นว่าความจริงไม่ใช่อย่างที่เราเห็น ผิวหนังของเรานั้นมีรอยรั่วแตก แยกเป็นหลุมเป็นบ่อเต็มไปหมด สีด่างๆ ดำๆ แดงๆ แถมยังมีเศษผิวหนังที่ตายแล้วเตรียมจะลอกออก เป็นขุยๆ มีเส้นเลือดฝอยเต็มไปหมด มีน้ำมัน ตามหลุมต่างๆ พอคลื่นไหววามันก็มีน้ำเหงื่อไหลออกมา พร้อมกันมีลิ้นสานเห็น แถมยังมีขุย ขี้ตา ขึ้นอยู่เต็มไปหมด และยังต้องขับถ่ายของเสียออกมาทั้งจุฑาจะปลาสะอยู่ตลอด แล้วลูกก็องมองทะลุเข้าไปอีก ถ้าถลกผิวหนังออกลูกก็จะเห็นแต่เส้นเอ็น ก้อนเนื้อแดงๆ ที่เกาะติดปนกันไปมันขวนเลือดไหลเต็มไปหมด มีลิ้นควาดู้มเต็มไปหมด มองเข้าไปอีกก็เห็นว่าวะแยกส่วนต่างๆ เห็นตั้งแต่ ใต ไใ่ พุง ลูกไม่เห็นว่าส่วนไหนไม่บ้าง เกือบเลย หรือจะมองเข้าไปอีก ลูกก็เห็นเป็นโครงกระดูกเดินได้ เมื่อยตายไปเป็นผีหรือยังนั่งรำเกือบทั้งน่า ทั้งนั้นอึด เขียวดำคล้ำ มีน้ำเหลือไหล มีนอนชอนไซ พอเข้าสู่กงไผ่เหลือแต่ขี้เถิดเท่านั้นเอง